4 กูรู แนะ! ผู้ประกอบการ SME ไทยปรับตัวใช้ AI เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เจาะตลาดค้าโลกยุคใหม่

748

สำนักข่าว CREATIVE ECON จับมือ สมาคมผู้สื่อข่าวส่งเสริมเอสเอ็มอีไทย ร่วมกับพันธมิตร กรมทรัพย์สินทางปัญญา-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า-สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, สหพันธ์สมาคมผู้ประกอบการไทย (FA SME) และ  สมาคมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย จัดงานสัมมนา  AI ติดปีก SME ไทย กลยุทธ์การค้าโลก!ยุคใหม่” มีผู้ประกอบการและนักศึกษาด้านดิจิทัล ให้ความสนใจเข้าฟังจำนวนมาก

งานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 10 กันยายน 2568 เวลา 09.00-15.00 น. ณ ห้องประชุมมโนปกรณ์นิติธาดา ชั้น 12 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ นนทบุรี โดยมี นายสถาพร ร่วมนาพะยา รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์  กล่าวเปิดงานว่าปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คิด การนำเอไอมาเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน มีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มการตัดสินใจ ปรับปรุงประสบการณ์ และเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ เป็นการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มโอกาสการพัฒนาสินค้า ให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME สามารถนำข้อมูลอันเป็นประโยชน์ไปปรับใช้กับองค์กร ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันอย่างยั่งยืน

ด้าน นายจรัญ ชุ่มเงิน นายกสมาคมผู้สื่อข่าวส่งเสริมเอสเอ็มอีไทย กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานครั้งนี้ว่า เป็นการเพิ่มโอกาสการพัฒนาสินค้าด้วยเทคโนโลยีให้เติบโตอย่างยั่งยืน จากผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ   สนับสนุนให้ SME ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้มแข็ง นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน มีแนวทางการพัฒนาตัวเอง  และมองเห็นช่องทางการนำระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่ผู้ประกอบการเท่านั้น แต่บุคคลทั่วไปก็ต้องเรียนรู้อย่างเท่าทัน เพื่อเกาะขบวนรถไฟเทคโนโลยีสายนี้ ซึ่งมีการแข่งขันแตกต่างโลกยุคก่อน ซึ่งงานสัมมนาครั้งนี้ จะเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ให้ผู้ประกอบการมีหลักคิด และมุมมองในการก้าวไปสู่เป้าหมาย ในโลกยุคดิจิทัลได้อย่างเท่าทัน

ใช้เอไออย่างมีกลยุทธ์สร้างธุรกิจยั่งยืน

รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริเดช บุญแสง อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และกรรมการสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย กล่าวในหัวข้อ “จากผู้ใช้ AI สู่ผู้พัฒนา AI : เส้นทางรอดของ SME ไทยยุคใหม่” ว่า ปัจจุบันเอไอมีขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีไปไกลมากเทียบเท่าคนที่จบวุฒิการศึกษาสูงๆ ที่มีประสบการณ์ทำงานยาวนาน และกำลังทำหน้าที่แทนผู้เชี่ยวชาญในหลายอาชีพ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่คืออำนาจเชิงโครงสร้าง ดูดซับความรู้มนุษย์ ซึ่งเอไอไม่ใช่แค่ Data แต่คือการถ่ายโอนความรู้ทุกแขนง ดังนั้นคนไทยต้องเปลี่ยนจากการใช้เอไอแบบตามใจ มาเป็นการใช้เอไออย่างมีกลยุทธ์ เป็นเครื่องมือเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจ สามารถสร้างแอปพลิเคชั่นของตัวเองได้ เรียนรู้เพื่อพัฒนาไปสู่กระบวนการใช้งานที่ซับซ้อนมากขึ้น และต้องรู้ว่าข้อมูลแบบไหนควรป้อนเอไอ ขณะเดียวกันต้องคิด Business Model ดึงเอไอมาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมาย

 เอไอช่วยเพิ่มประสิทธิภาพคนและองค์กร

ธีระ เหล่าลัทธพล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท เมอร์เซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำการจัดการ “ยกระดับการบริหารคนและองค์กรยุคใหม่ด้วย AI” ว่าเอไอมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มการตัดสินใจ ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า และเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ โดยเฉพาะฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีความโดดเด่นในการนำเอไอมาใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มประสบการณ์ของพนักงาน และให้ข้อมูลสนับสนุนเพื่อช่วยในการตัดสินใจ หลายคนอาจมองว่าเอไอมาแย่งงาน แต่ความจริงถ้าใช้เอไออย่างเข้าใจจะเป็นการช่วยสร้างงานมากกว่า เช่น บริษัทมีพนักงานขาย 10 คน ทำยอดขายได้เดือนละ 1 ล้านบาท ถ้านำเอไอเข้ามาช่วยขาย ปรากฏว่าทำยอดขายได้เดือนละ 2 ล้านบาท นั่นหมายความว่าการมีระบบเอไอ แทนที่บริษัทจะลดคน อาจต้องเพิ่มคน เพราะถ้าฝ่ายขายใช้ระบบเอไอมากขึ้น ยอดขายก็จะเพิ่มเป็นเงาตามตัว

เอไอคือเครื่องมือที่สร้างสรรค์โดยมนุษย์

วิชาวุธ จริงจิต (บุ้ง ดีดติ่งหู) ที่ปรึกษาด้านการตลาดและการขาย ผู้เขียนหนังสือ “แค่ใช้ Chat GPT ขายดีจนผลิตไม่ทัน” เผยกลยุทธ์เทคนิค Chat GPT ขายดีจนผลิตไม่ทัน” ว่าการใช้เอไอให้บรรลุผล อย่างแรกเลยคือต้องคุยกับเอไอให้เป็น เช่น ผมเขียนหนังสือ ผมถามเอไอว่า หนังสือแนวเอไอเล่มไหนขายดี  ข้อมูลขึ้นมาเลยว่า 5 อันดับแรกมีอะไรบ้าง ปรากฏว่าของผมอยู่อันดับ 1 แค่นี้เราก็รู้แล้วว่าควรจะทำอะไรต่อไป แต่ถ้าใครผลิตสินค้าขึ้นมาแล้ว เข้าไปถามเอไอ ปรากฏว่าไม่มีสินค้าของเราปรากฏขึ้นมา ต้องกลับมาทบทวนว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหน และต้องแก้ไขอย่างไร ซึ่งต้องทำความเข้าใจข้อจำกัดของเอไอว่า เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ไม่สามารถมาแทนที่ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ได้ทั้งหมด มนุษย์ยังสำคัญ เพียงแต่มนุษย์ต้องรู้จักนำเอไอมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมือจำนวนมาก ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้เครื่องมือชนิดไหนให้ตรงกับความต้องการ และเพิ่มประสิทธิผลทางธุรกิจอย่างแท้จริง

เอไอ..ง่ายกว่าที่คิด

ธนันทรัฐ ศรีเจริญธรรม (โค้ชเอก) เลขาสมาคมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย นำเสนอ SMEThai แพล็ตฟอร์มสายพันธุ์ไทย มาร์เก็ตเพลสสำหรับคนตัวเล็ก” และ เทคนิคการนำเอไอมาสร้างโอกาสทางการตลาด” ว่าคนจำนวนมากมองว่าเอไอเป็นเรื่องยาก เพราะการศึกษาในเชิงข้อมูลทำให้รู้สึกว่าคงทำไม่ได้ แต่สำหรับคนที่ใช้เอไอเป็นจะรู้เลยว่าเป็นเรื่องง่ายมาก เราสามารถสร้างหนังโฆษณาดีๆได้เรื่องหนึ่ง ภายในไม่เกิน 5 นาที มีเอไอช่วยเป็นพรีเซ็นเตอร์แบบลิขสิทธิ์ถูกต้อง สิ่งสำคัญคือเราจะทำอย่างไรให้โฆษณาของเราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพราะเราคงไม่สามารถทำหนังเรื่องเดียวแล้วให้ผู้บริโภคจดจำสิค้าของเราได้ทันที บางครั้งอาจต้องสร้างหนังเป็นสิบเป็นร้อยเรื่อง ซึ่งในอดีตไม่สามารถทำได้ เพราะแค่ทำหนังเรื่องเดียวก็ต้องใช้ต้นทุนสูงมาก แต่ในยุคเอไอเราสามารถทำสิ่งเหล่านี้โดยแทบไม่ต้องใช้ต้นทุนเลย นอกจาค่าอินเตอร์เน็ตบวกกับความขยันในการทำคลิป ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ประกอบการตัวเล็กๆอย่างแท้จริง

สำหรับผู้สนับสนุนที่ทำให้งานสัมมนาครั้งนี้บรรลุความสำเร็จ ประกอบด้วยบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามพาร์คซิตี้ จำกัด, บริษัท แอสต้า โฟมแอนด์รับเบอร์ จำกัด, บริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ปรุงรสไทย จำกัด, บริษัท โตชิโน แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด และบริษัท นาซ่าโฟร์โปรดักส์แอนด์เซฟตี้ จำกัด