แอมเวย์ ไชน่า เลือกไทยจัดประชุมใหญ่สุดในอาเซียน ทีเส็บจัด Slow Living Experience ต้อนรับ

1884

งาน IT&CM Asia and CTW Asia-Pacific 2025 แอมเวย์ ไชน่า จะนำตัวแทนกว่า 10,000 คน เดินทางมาจัดการประชุมสัมมนาผู้นำประจำปี Amway Leadership Seminar – Bangkok ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 4 มีนาคม – 13 เมษายน 2569  การจัดงานครั้งนี้ยังตรงกับโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน โดยกรุงเทพฯ ในฐานะ “สะพานแห่งมิตรภาพ” ของสองประเทศจะเป็นเจ้าภาพในการต้อนรับงานครั้งสำคัญของแอมเวย์ ไชน่าที่เชื่อมโยงประชาชนทั้งสองประเทศอย่างแน่นแฟ้น การประชุมสัมมนาผู้นำประจำปี Amway Leadership Seminar – Bangkok เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมือที่ดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่า 2 ปี ระหว่างทีเส็บ แอมเวย์ ไชน่า และหน่วยงานพันธมิตรไทย ทั้งนี้ ทีเส็บเคยสนับสนุนการสัมมนาผู้นำในต่างประเทศครั้งแรกของแอมเวย์ ไชน่าที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2540 สำหรับงานปี 2569 ทีเส็บยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและนำเสนอแนวคิด “Slow Living” ชูประสบการณ์วิถีวัฒนธรรมท้องถิ่นให้กับผู้ร่วมงาน อำนวยความสะดวกด้านการประสานงานหน่วยงานรัฐ การให้บริการตรวจคนเข้าเมืองผ่าน MICE Lane Service สำหรับแขกวีไอพี พร้อมสนับสนุนงานการแสดงทางวัฒนธรรม มอบสิทธิพิเศษจากพันธมิตรภาคธุรกิจ และดูแลมาตรการด้านการต้อนรับ ความปลอดภัย และการท่องเที่ยวทั่วประเทศ ตอกย้ำบทบาททีเส็บในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางไมซ์ชั้นนำของเอเชีย

ดร. ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้แนวคิดทีมไทยแลนด์ เพื่อต้อนรับแอมเวย์ ไชน่า กลับสู่ประเทศไทย การจัดงานที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 10,000 คน ไม่เพียงสะท้อนถึงความสัมพันธ์ไทย–จีนที่แน่นแฟ้น แต่ยังแสดงถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพเชิงสร้างสรรค์ของไทยในการมอบประสบการณ์ไมซ์ที่มีคุณค่าและแปลกใหม่นอกกรอบความคิดเดิมๆ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในอุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยวไทย และเป็น

กลยุทธ์ที่ทำให้ประเทศไทยโดดเด่นในฐานะจุดหมายปลายทางระดับพรีเมียม”

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จะได้ต้อนรับตัวแทนกว่า 10,000 คน จากแอมเวย์ ไชน่า สู่กรุงเทพฯ เมืองศูนย์กลางแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เต็มไปด้วยพลัง และเป็นเมืองที่หลอมรวมระหว่างความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมกับความก้าวหน้าสมัยใหม่ ภายใต้โครงการ ‘Vibrant Bangkok City’ ขอเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ดื่มด่ำไปกับวิถีชีวิตท้องถิ่น ตั้งแต่การลิ้มรสอาหารริมทางที่สืบทอดสูตรมาหลายชั่วอายุคน การค้นพบวัดวาอารามที่ซ่อนตัวท่ามกลางตึกสูง ไปจนถึงการมีส่วนร่วมกับช่างฝีมือที่สืบสานมรดกทางวัฒนธรรมของไทย นี่คือการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ในความหมายที่แท้จริง ซึ่งเปี่ยมด้วยความเป็นต้นตำรับและรังสรรค์ด้วยความใส่ใจ

การสัมมนาครั้งนี้ สะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการมอบประสบการณ์ไมซ์ระดับโลก ที่มีเอกลักษณ์แบบไทยแท้ พร้อมกันนี้ ยังถือเป็นโอกาสอันดีในการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย–จีน เราขอยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เปี่ยมด้วยคุณค่า ทุกการเดินทางจะได้รับการเติมเต็มด้วยการเชื่อมโยงที่แท้จริง และทุกช่วงเวลาจะสร้างความประทับใจที่ยั่งยืน อันเกิดจากความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ประเทศไทย

สำหรับมาตรการด้านความปลอดภัยและความมั่นใจเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้เข้าร่วมงาน ทีเส็บได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ จัดเตรียมมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางระหว่างสนามบิน โรงแรม และสถานที่จัดงาน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยบริการ MICE Lane ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจคนเข้าเมืองแบบรวดเร็วสำหรับวีไอพี

สำหรับการจัดงานครั้งนี้ของแอมเวย์ ไชน่า คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนอย่างมหาศาลแก่ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร การขนส่ง และอุตสาหกรรมเชิงวัฒนธรรม อีกทั้งยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว “The New Thailand” ที่ผสานมรดกทางวัฒนธรรม สุขภาพ และวิถีชีวิตสมัยใหม่เพื่อดึงดูดนักเดินทางกลุ่มไมซ์ งานนี้ไม่เพียงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าร่วมงานได้ค้นพบประเทศไทยในมุมมองใหม่ อีกทั้งยังเป็นการสานสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับจีน และต้อนรับตัวแทนแอมเวย์ สู่ประสบการณ์ที่น่าจดจำในกรุงเทพฯ

“Amway Leadership Seminar – Bangkok คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 858 ล้านบาท (ประมาณ 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับอุตสาหกรรมไมซ์และบริการด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย และสร้างงานกว่า 860 ตำแหน่งในภาคการบริการ การจัดเลี้ยง การขนส่ง และบริการด้านอีเวนต์ อีกทั้งยังคาดว่าจะสร้างรายได้จากการจัดเก็บภาษีประมาณ 38 ล้านบาท (1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผ่านภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตอกย้ำบทบาทเชิงกลยุทธ์ของไมซ์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย” ดร. ศุภวรรณ กล่าว