วันพุธ ที่ 18 มิถุนายน 2025

หลายท่านอาจมีคำถามว่างาน Craft Bangkok 2018 ที่จัดเมื่อวันที่ 29 มี.ค. ถึง 1 เม.ย. 2561ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ EH 103 -104 ที่ผ่านมา คืองานอะไร จัดขึ้นเพื่ออะไร และมีความสำคัญอย่างไรบ้าง Craft Bangkok เป็นงานที่รวบรวมศิลปิน  นักออกแบบ และผู้ประกอบการด้านงานหัตถศิลป์ทั้งไทยและต่างชาติเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังเป็นเวทีพบปะแลกเปลี่ยนทักษะความชำนาญ องค์ความรู้ ตลอดจนไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์ของบุคคลในวงการศิลปหัตถกรรม  ภายใต้แนวคิด  Social Craft Network หรือ หัตถศิลป์ไร้พรมแดน งานหัตถศิลป์... เป็นงานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ที่ผู้ผลิตงานคราฟต์สร้างสรรค์ขึ้นจากความชื่นชอบและทักษะฝีมือเฉพาะตัว ผลิตเป็นผลงานหัตถกรรมที่โดดเด่น แตกต่างกันไป  งานหัตถศิลป์...มีวิวัฒนาการไปตามยุคสมัย  ซึ่งงานหัตถศิลป์ในปัจจุบันมีความทันสมัย และได้รับอิทธิพลจากรูปแบบวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ในยุคที่ Social Network เข้ามามีอิทธิพลกับคนในสังคม โดยเฉพาะด้านการติดต่อสื่อสาร วงการหัตถศิลป์ ได้มีพัฒนาการและมีการเชื่อมโยงเครือข่ายผ่านโลกสังคมออนไลน์มากขึ้น...
ใครจะคิดว่าแมลงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศัตรูร้ายของพืชไร่ วันนี้จะกลายเป็นอาหารยอดฮิต เทรนด์ใหม่ในตลาดโลก ชนิดที่ว่ากันว่าผลิตไม่ทันขายกันเลยทีเดียว แม้กระทั่งในงานแสดงสินค้าระดับโลกอย่าง “THAIFEX – World of Food Asia 2018” ที่จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หอการค้าไทยและโคโลญจน์เมสเซ่ ประเทศเยอรมนี ยังต้องเปิดโซน Alternative Sources โชว์อาหารจากแมลง ซึ่งถือเป็น Thailand : Creative Food เสิร์ฟเมนูแมลงเลิศรสอุดมไปด้วยสารอาหารโปรตีนสูงไขมันต่ำ ตั้งเป้าครองบัลลังก์ครัวสร้างสรรค์ระดับโลก..ไม่ธรรมดาจริงๆ นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้มีการจัดนิทรรศการ “Thailand : Creative Food” โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาอาหาร เพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้ามากขึ้น โดยมีเป้าหมายในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการและผู้เข้าชมในการยกระดับธุรกิจอาหารไทยที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นแรงขับเคลื่อน รวมถึงใช้จุดแข็งของประเทศไทย เช่น เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือแม้แต่พืชพรรณเมืองร้อนมาเพิ่มมูลค่าอาหารให้เป็นสินค้าที่มีมาตรฐานระดับสากล อาทิ โซน “Alternative Sources” นำเสนออาหารท้องถิ่นสูตรพิเศษอย่าง...
ปัจจุบันโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว  เทคโนโลยีต่าง ๆ ล้วนเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิต   การให้ความสำคัญกับทักษะด้านนวัตกรรมดิจิทัลจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ภายในงาน True Business Forum 2018 : The Digital Future to Sustainability   ของกลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญมาร่วมบรรยายและเสวนาในหัวข้อต่างๆ ที่น่าสนใจและจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าองค์กร นายมีธรรม ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ได้กล่าวถึงแนวคิดการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการว่า การเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของโลกยุคดิจิทัล ทำให้เราหยุดนิ่งไม่ได้ จากเดิมที่ผู้ประกอบการต่างทำธุรกิจ ทำหน้าที่ของตนเองตามความสามารถ ความถนัด ไม่ประสานงานหรือเกื้อหนุนกัน ระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystems) กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ขาดไปตรงนี้ ยกตัวอย่างที่เห็นชัด เช่น Apple และ Google ต่างพัฒนาและสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้มีความเกี่ยวข้องกับ ซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley) ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ แอพฯ และบริษัทผลิตโทรศัพท์มือถือ ต่างเข้ามาเกี่ยวข้องกัน...
ต้องใช้คำว่าแรงจริง! สำหรับคำเปญ SME 1 BAHT ลดราคาสินค้าที่อยู่ภายใต้โครงการ SME ONLINE โดยจำหน่ายในราคา 1 บาท กว่า 1 แสนรายการ (ส่วนที่เหลือ สสว. จะเป็นผู้สนับสนุนให้กับผู้ประกอบการ) โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ดึงดูดนักช้อปแห่กันเข้าไปชมและเลือกซื้อสินค้า แบบใครเร็วใครได้ ชนิดที่เรียกได้ว่า..ถล่มทลาย!!! โครงการนี้เกิดขึ้นเนื่องจาก สุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มองว่า มีผู้ประกอบการจำนวนมากสนใจและตั้งใจสร้างโอกาสค้าขายสินค้าบนโลกออนไลน์ ซึ่งการค้าขายออนไลน์ไม่ใช่เพียงนำเอาสินค้าไปวางและรอให้ผู้บริโภคติดต่อขอซื้อ แต่จะให้ประสบความสำเร็จได้ต้องมีปัจจัยเกื้อหนุนคือสินค้าต้องดีจริง มีความแตกต่าง โดดเด่น โดนใจผู้บริโภค และ ที่สำคัญคือต้องมีกลยุทธ์การขาย อย่างไรก็ตาม ปัญหาของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีคือขาดทักษะในการทำตลาดออนไลน์ สสว.จึงได้มีการลงพื้นที่เพื่อมอบความรู้ตลอดจนให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถทำธุรกิจออนไลน์ได้จริง เช่น สอนเทคนิคการถ่ายภาพสินค้า การเขียนเนื้อหาสินค้า รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นยอดขายให้กับ SME ที่สนใจนำสินค้ามาจำหน่ายบนตลาดออนไลน์ หนึ่งในนั้นคือโครงการ SME 1...
เภสัชฯ ม.รังสิต วิจัยและพัฒนาตำรับสเปรย์ฉีดพ่นในช่องปากจากสารสกัดกัญชา สำเร็จ วอน คสช.ปลดล็อก-อย.อนุญาตใช้กับคนเพื่อทำการวิจัยต่อไปได้ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วิจัยและพัฒนาตำรับสเปรย์ฉีดพ่นในช่องปากจากสารสกัดกัญชา สำเร็จแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับการขอขึ้นทะเบียนต่อไป ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า คณบดีและคณาจารย์ นักวิจัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวอย่างซึ่งสกัดจากกัญชา โดยกระบวนการสกัดสารสำคัญใช้ตัวทำละลายและเทคนิคพิเศษที่ทันสมัย จนได้สารสกัดเพื่อนำมาใช้เตรียม “ตำรับสเปรย์ฉีดพ่นในช่องปากจากสารสกัดกัญชา (Formulation Development of Oromucosal Spray from Cannabis Extract)”  ทั้งนี้เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ป่วย โดยเน้นไปที่การบำบัดรักษาอาการปวดปลายประสาทในโรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple Sclerosis) และอาการปวดจากโรคมะเร็ง ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด เป็นการช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยอีกทางหนึ่ง “สำหรับผลิตภัณฑ์นี้มุ่งเน้นไปที่การบำบัดอาการปวดจากโรคมะเร็ง ซึ่งมีอุบัติการณ์การเกิดโรคในประเทศไทยค่อนข้างมาก เพื่อลดอาการข้างเคียงเมื่อได้รับยาเคมีบำบัด นับว่าเป็นการช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับการขอขึ้นทะเบียนต่อไป” อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวเสริม ดร.อาทิตย์กล่าวต่อไปอีกว่า มะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับ 1...
ปัญหาราคาข้าวตกต่ำเป็นหนามทิ่มอกชาวนาไทยมานับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การไร้สายพันธุ์ข้าวใหม่ๆทำให้ตลาดข้าวไทยถูกเวียดนามเบียดชิงส่วนแบ่งชนิดหายใจรดต้นคอ ในยุคสุขภาพมาก่อน การผลิตข้าวเปลือกแบบเดิมๆนับวันมีแต่จะตีบตัน ทว่า! มันไม่ง่ายที่จะให้ที่จะเปลี่ยนแปลง การเกิดขึ้นของข้าวดัชนีน้ำตาลปานกลางค่อนไปทางต่ำสายพันธุ์พิเศษ หรือ ข้าว กข 43 อาจเป็นทางออกที่ชาวนาเฝ้ารอ ข้าว กข 43 เป็นการผสานพลังร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ กรมการข้าว องค์กรชั้นนำเรื่องวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าว พลังเครือข่ายชาวนาไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกข้าว และภาคเอกชน บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด   ร่วมกันผลิต ‘ข้าวดัชนีน้ำตาลปานกลางค่อนไปทางต่ำสายพันธุ์พิเศษ ข้าว กข 43’ แบบครบวงจรครั้งแรก เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ กลุ่มคนรักสุขภาพ กลุ่มผู้ป่วย กลุ่มโรงพยาบาล มุ่งหวังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนาไทยให้ดียิ่งขึ้น น ายไ ต รรั ต น์ อุ ด มศรี โ ยธิ น รอ ง ก รรมก ารผู้...
กล้วยและมะพร้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอนาคต เพราะสามารถทานได้แบบสดๆและนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องได้มากมาย ปัจจุบันกล้วยที่เกษตรกรนิยมปลูก ได้แก่ กล้วยหอม กล้วยไข่ และกล้วยน้ำว้า มีผลผลิตรวมกันมากกว่า 1.5 ล้านตันต่อปี โดยพบว่าในปี 2560 ที่ผ่านมา ไทยมีมูลค่าส่งออกกล้วยสดราว  467 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 41 เป็นการส่งออกไปจีนสูงสุดที่มูลค่า 340 ล้านบาท รองลงมาคือญี่ปุ่น 65 ล้านบาท และฮ่องกง 44 ล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จากกล้วยในลักษณะของสินค้าโอทอปประจำท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อการบริโภคในประเทศเป็นหลัก หากเรามีการนำผลไม้ดังกล่าวไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้มากเท่าไหร่ ก็จะเพิ่มโอกาสการขายกล้วยให้กับเกษตรกรมากขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกับผู้สนใจทำธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว-กล้วย ทั้งรายเก่าและรายใหม่จะขายผลผลิตแปรรูปดังกล่าวอย่างไรให้ปัง คำตอบคือต้อง ‘แชร์’ และ ‘สร้างเครือข่าย’ ซึ่งการพัฒนาห่วงโซ่ดังกล่าวไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว หรือ กลุ่มเดียว ต้องทำเป็นเครือข่าย หรือ คลัสเตอร์ โดยนำผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับกล้วยและมะพร้าวในแต่ละพื้นที่มารวมตัวกันเป็นกลุ่ม แล้วรัฐสนับสนุนองค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยี ฯลฯ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ จากนั้นนำแต่ละกลุ่มมาเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย ถ่ายทอดองค์ความรู้ระหว่างกัน รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนการตลาดระหว่างกัน การรวมตัวของเครือข่ายกระจายตัวมากเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็จะสะท้อนกลับไปยังกลุ่มต้นน้ำ หรือ เกษตรกรมากเท่านั้น ในขณะที่เกษตรกรหากเข้าร่วมเครือข่ายก็จะได้รับองค์ความรู้ใหม่ๆนำไปพัฒนาต่อยอดให้ผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาด รวมถึงได้รับโอกาสทางการตลาดมากขึ้น การจับมือระหว่างสำนักงานพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. กับ สถาบันอาหารจึงเป็นความร่วมมือที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นั่นก็คือการจับมือเพื่อสร้างเครือข่าย SME กลุ่มมะพร้าวและกล้วย มาดูกันว่าปี 2561 สสว.กับ สถาบันอาหารจะพัฒนาเครือข่ายกล้วยและมะพร้าวอย่างไร? นายสุวรรณชัย...
ทิศทางการพัฒนาและยกระดับประเทศ ภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 กำลังถูกผลักดันและขับเคลื่อนอย่างจริงจัง หนักหน่วง โดยวางหมุดหมายภายในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า ไทยจะต้องหลุดพ้นจากกับดักการมีรายได้ต่ำ ไปสู่รายได้ปานกลาง และระดับสูงในที่สุด อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนับแต่นี้ไป คนไทยเราต้องปรับเปลี่ยน เรียนรู้ และรับมือกับคลื่นลูกที่ 4 นี้กันแบบไหนดี? เพราะต้องยอมรับว่าศตวรรษที่ 21 นี้เป็นยุคแห่งโลกดิจิทัลอย่างแท้จริง โดยมีเศรษฐกิจดิจิทัล หรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีเทคโนโลยีสารสนเทศหรืออินเตอร์เน็ตเป็นตัวผลักดันประสิทธิภาพของโครงสร้างเศรษฐกิจ และมีเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่เป็นตัวขับเคลื่อน ตลอดจนการใช้ข้อมูลสารสนเทศแบบดิจิตอลเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ ไม่เฉพาะแค่ภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจ สินค้าหรือบริการต่างๆเท่านั้น ที่จะต้องปรับตัว ใช้นวัตกรรมหรือความคิดสร้างสรรค์เป็นตัวนำ เพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่า แต่ในระดับตัวบุคคลก็จำเป็นต้องปรับกระบวนทัศน์ วิถีชีวิต ให้สอดคล้องกับยุคสมัยเช่นกัน แล้วคุณลักษณะของคนไทย 4.0 นั้นเป็นเช่นไร? ซึ่งแนวทางการปรับเปลี่ยนจะครอบคลุมใน 4 มิติ คือ 1) คนไทยจะต้องปรับไลฟ์สไตล์แบบ Thai-Thai เป็นแบบ Global Thai มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย แต่มีกรอบความคิดเป็นสากล เพราะโลกกำลังเปลี่ยนจาก One...
เมื่อ ‘เกม’ กลายเป็นหนึ่งเครื่องมือในระบบการศึกษาสมัยใหม่ รัฐ-เอกชน-แรงงาน-การศึกษา จึงต้องระดมสมอง กำหนดทิศทางระบบการศึกษาแห่งอนาคตด้วยดิจิทัล นายวิทยา มิตรศรัทธา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนซิส มีเดียคอม จำกัด ผู้จัดงานเสวนา “การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ด้วยระบบดิจิทัล : สร้างคน สร้างชาติ เพื่อศักยภาพไทยสู่สากล” กล่าวว่า แนวคิดระบบการศึกษาใหม่ (Modern Education) มีความยืดหยุ่นสูง ไม่ยึดรูปแบบ เน้นผลลัพธ์ความสำเร็จของผู้เรียนเป็นเกณฑ์ มีการนำทฤษฎีการเล่นมาใช้ เพราะเด็กๆชอบเล่น จึงต้องนำเรื่องเรียนไปใส่ในการเล่น เช่น การใช้ระบบเกมการศึกษา เกมเพื่อการเรียนรู้ (Game Based Learning and Gamification) หรือการสร้างเกมการศึกษาเพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างง่าย ประหยัดและสะดวก มีความสนุกสนาน ทำให้ผู้เรียนสามารถรับความรู้ได้เร็วและจดจำได้ดี ที่ผ่านมาบริษัทเจเนซิสฯได้มีการพัฒนาแอปพลิเคชั่นชื่อ ควิซบุ๊ก (QuizBook) เป็นแอปพลิเคชั่นที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ผ่านการถามและตอบ เป็นความรู้รอบตัวต่างๆ เช่น ความรู้ทางวิชาการและนอกวิชาการ...
เวลานี้ละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” นั้น ดังยิ่งกว่าพลุแตก  ตัวละครเอก ภาษาไทยโบราณ เป็นที่พูดถึงและนำมาใช้กันในวงกว้าง การตามรอยละครไปยังกรุงเก่า แล้วสวมชุดไทยเที่ยวชมวัด วัง โบราณสถาน บริเวณโดยรอบอุทยานประวัติศาสตร์ยังคงเป็นไปอย่างคึกคัก ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ย่อมส่งผลดีต่อผู้ประกอบการหลากหลายประเภท ไม่เฉพาะแค่โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร ร้านโรตี ของที่ระลึกท้องถิ่นเท่านั้น แต่กลุ่มธุรกิจหนังสือ ชุดไทย ทัวร์ท่องเที่ยว สมุนไพรไทย รวมไปถึงผู้จัดงานเทศกาลสงกรานต์ปี 61 ในหลายพื้นที่ ก็น่าจะได้อานิสงส์กับกระแสฮอตฮิตนี้อยู่ไม่น้อย เหตุที่ละครเรื่องนี้โด่งดัง เพราะมีหลายปัจจัยสนับสนุน บทประพันธ์ดี งานโปรดักชั่นเด่น พระนางเล่นโดน ฯลฯ ที่สำคัญคือการนำเสนอเรื่องราว ภาษาที่นำมาใช้ในยุคกรุงศรีฯเข้ากับยุคปัจจุบันได้อย่างร่วมสมัย แถมยังแทรกสาระความเป็นไทย ทั้งเรื่องประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม จารีตประเพณี และอาหารการกิน ไว้แทบทุกบทตอน ประกอบกับ ช่วงเวลาที่ละครเริ่มออกอากาศเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้คนจากทั่วสารทิศที่เดินทางมาเที่ยวชมงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ยังคงอินอยู่กับบรรยากาศย้อนยุค เมื่อเจอละครพีเรียดแนวนี้เข้าไปอีก จึงโดนใจเข้าอย่างจัง เรียกได้ว่าละครปัง ส่วนหนึ่งก็เพราะมาแบบถูกจังหวะพอดิบพอดี ที่ต้องให้เครดิตมากสุด...