เมียนมาเป็นตลาดที่นักธุรกิจไทยสนใจอยากเข้าไปลงทุน เนื่องจากการเปิดประเทศและกฎหมายลงทุนที่แผ่กว้างกว่าในอดีต ประชากรมากพอๆกับประเทศไทย การเดินทางไม่ไกล ทรัพยากรธรรมชาติล้นเหลือ แต่หลายคนกลับยังเลเลไม่กล้าเสี่ยง
เลิศรัชต์ อัครพัศพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรัทธาทัวร์ นักธุรกิจผู้มีประสบการณ์เปิดร้านอาหาร ‘สบาย..สบาย’ ในเมียนมากว่า 30 ปี ให้ข้อแนะนำผ่านเวทีการสัมมนา ‘รุกตลาดใกล้ (เมียนมา) บุกตลาดไกล (อินเดีย)’ จัดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ว่า เคล็ดลับสำคัญในการเจาะตลาดเมียนมาคือต้องใช้กลยุทธ์แบบผู้ชนะสิบทิศ รู้เขารู้เรา รบสิบครั้ง ชนะสิบครั้ง
“คุณเชื่อไหมว่าบริษัทใหญ่ๆของไทยที่เข้าไปลงทุนในเมียนมา เจ็บตัวกันเยอะ การทำธุรกิจในเมียนมา เก่งบวกเฮงไม่พอ ต้องใช้หลักของบุเรงนองในผู้ชนะสิบทิศคือรู้เขารู้เรา” เลิศรัชต์ กล่าวพร้อมขยายความว่าเมียนมามีเผ่าใหญ่ๆนับพันเผ่า แต่ละเผ่ามีวัฒนธรรมแตกต่างกัน กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ คะฉิ่น มอญ ฯลฯ ฉะนั้นถ้าเราจะเข้าไปเมียนมาต้องรู้จักเขา ต้องเข้าใจในวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของแต่ละเผ่า ต้องพยายามดูบุคคลที่เราจะติดต่อว่าเขาเป็นคนเมืองไหน เผ่าไหน ถ้าค้าขายกับคนมะริดเขามีวิธีทวงเงินที่น่ารัก ซึ่งถ้าไม่จ่ายเป็นเรื่อง หากมีเพื่อนหรือคู่ค้าเป็นคนกะเหรี่ยง เผ่านี้ซื่อสัตย์ แต่ถ้าพูดถึงคนรวยที่สุดคือพวกคะฉิ่น เพราะค้าหยก เป็นหยกที่ดีที่สุดในโลก เป็นรัตนชาติที่ทำเงินให้เมียนมามหาศาล ซึ่งเงินเหล่านี้ที่เขาได้ก็นำมาซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคที่เป็นผลิตภัณฑ์ของคนไทยนั่นเอง
“คนเมียนมาชอบสินค้าไทย ถ้าพอใจ โดนใจ ติดยาวเลย ยกตัวอย่างไก่ย่าง 5 ดาวของซีพี เปิดขายข้างถนน ตอนนี้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในเมียนมา ตัวละประมาณ 300 บาท ขายดีมาก คนเมียนมาไม่เคยกินส้มตำ เดี๋ยวนี้ชอบมาก มีขายตามตลาด กะปิก็เป็นอะไรที่โดนใจ แม้คนเมียนมาจะกินอยู่แล้วแต่รสชาติกะปิเมียนมาออกเค็มไม่เนียนเหมือนของเรา อาหารขาดความหลากหลาย เนื่องจากอิทธิพลของอาหารอินเดียที่เข้าไปในสมัยอังกฤษปกครอง แกงกะหรี่ไก่ กะหรีเนื้อ กะหรี่หมู กะหรี่กุ้ง กะหรี่ไข่ ทุกอย่าง curry หมด พอมาเจออาหารไทย ได้กินอาหารไทย เป็นอะไรที่สุดยอด ชอบสมุนไพรไทยเพราะสมุนไพรของเขาสู้ของเราไม่ได้ การนวดก็ชอบนวดแบบไทย นวดแบบเมียนมาไม่เอา แม้กระทั่งหนังไทยดังอย่างไม่น่าเชื่อในเมียนมา ลูกน้องผมดูคนละ 3-4 รอบเป็นอย่างต่ำ ‘พี่มากพระโขนง’ อาจเป็นเพราะโลเกชั้นในหนังเหมือนกับเมียนมาในอดีต หรือตามชนบทในปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนั้น เพราะฉะนั้นบรรพบุรุษของเราปูพื้นไว้หมดแล้ว ท่านเพียงแต่สานต่อ ส่วนจะเข้าอย่างไร ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับข้อมูล ซึ่งจะทำให้เรารู้จักเขาดียิ่งขึ้น ถ้าเรานำของใหม่ๆเข้าไปก็จะได้รับความนิยม ถ้าเข้าได้ สินค้าไปไกลแน่นอน”
เจ้าของร้านอาหารสบาย..สบายแนะนำอีกว่า การเข้าไปในเมียนมาวันนี้ยังไม่สาย จากประสบการณ์ของเขาในการเข้าไปทำธุรกิจในเมียนมา 35 ปีไม่ค่อยเจอคนโกงเท่าไหร่ ค้าขายกันด้วยดี อาจมีกฎหมายบางอย่างที่ต้องทำความเข้าใจ
“ผมเปิดร้านอาหารไทยอยู่ในทำเลดีที่สุดในย่างกุ้ง ถนนหน้าร้านเป็นของรัฐบาล แต่ถ้าถนนเสียต้องซ่อมเอง เพราะเขาถือว่าถนนพังเพราะลูกค้ามาใช้บริการร้านเรา ก็ต้องแชร์กับร้านที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน นี่คือสิ่งที่แตกต่างจากเมืองไทย”
สำหรับสินค้าที่มีโอกาสทางการค้า เจ้าของร้านสบาย..สบาย กล่าวว่า..มีโอกาสทุกอย่าง!!