วันพุธ ที่ 17 กันยายน 2025

มีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่กำลังคิดหาช่องทางสร้างรายได้ทั้งจากการขายของ  หรือการทำกิจกรรมอื่นๆเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของคนในครอบครัว  และปัจจุบันในยุคที่อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทกับชีวิตแทบจะทุกย่างก้าว การเปิดร้านค้าออนไลน์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยเพิ่มรายได้ทั้งผู้สูงอายุที่เกษียณจากงานประจำหรือแม้แต่ผู้สูงอายุที่มีธุรกิจอยู่แล้ว แต่ปัญหาของกลุ่มคนนี้คือเกิดความเกรงกลัวต่อการใช้เทคโนโลยีในการทำธุรกรรมหรือทำกิจกรรมอื่นๆ เพราะขาดความชำนาญในการใช้งานและมักจะคิดเสมอว่าอายุมากแล้วไม่จำเป็นจะต้องเรียนรู้เทคโนโลยีอะไรมากนัก อีกทั้งยังมีลูกหลานคอยทำเรื่องพวกนี้ให้  แต่จะดีแค่ไหนหากในวันนี้ผู้สูงอายุสามารถใช้เทคโนโลยีหรือโซเชียลมีเดียได้เอง ไม่ว่าจะใช้เพื่อความบันเทิง หรือสร้างรายได้และเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เมื่อเร็วๆนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ได้จัดฝึกอบรมโครงการ “60+ ค้าออนไลน์ ขายทั่วโลก” ซึ่งเป็นโครงการบ่มเพาะการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ รวมทั้งเทคนิคการทำการค้าออนไลน์      ให้กับผู้สูงอายุวัยเกษียณและผู้ประกอบการที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยโครงการดังกล่าวมุ่งสร้างแรงบันดาลใจ และแรงกระตุ้นให้กับกลุ่มวัยเก๋าให้เท่าทันกับดิจิทัลและเทคโนโลยีออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้สูงวัยยุคใหม่ต้องรู้จักเรียนรู้  นอกจากนี้ยังมีการรวบรวมเทคนิคการเปลี่ยนแปลงตัวเอง และแนวคิดการการทำธุรกิจให้สำเร็จในวัยเกษียณจากผู้ที่มีประสบการณ์โดยตรง ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับทั้งผู้ที่กำลังจะก้าวสู่วัย 60 และวัยเกษียณ เพราะแค่เปลี่ยนก็มีความสุขอย่างสะพรั่ง 3 เปลี่ยนพลิกชีวิต เริ่มกันที่เทคนิคการเปลี่ยนชีวิตและพฤติกรรมสำหรับผู้สูงอายุ ของ วิเชียร ฤกษ์ไพศาล ผู้คร่ำหวอดในวงการเพลง และ ผู้ก่อตั้งค่ายจีนี่ เรคคอร์ด คือการเปลี่ยนแปลงตัวเองและเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ซึ่งผู้สูงอายุจะต้องออกจากกรอบแนวคิดเดิมๆ แก้ปัญหาและลบข้อจำกัดด้านร่างกายด้วยการเรียนรู้สิ่งที่ยังไม่มีความชำนาญเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะและปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตในแบบเดิมๆ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ ทั้งหมด 3 เปลี่ยน ได้แก่ เปลี่ยนแรก คือ เปลี่ยนวิธีการมองปัญหา...
ทุกวันนี้อาหารไทยเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติอย่างมาก มีนักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยเพราะอยากลิ้มรสอาหารไทย ขณะเดียวกันก็มีจำนวนไม่น้อยที่เสาะแสวงหาร้านอาหารไทยในต่างแดน ทำให้ปัจจุบันมีร้านอาหารไทยเปิดให้บริการในนานาประเทศทั่วโลกเป็นจำนวนมาก เมื่อเร็วๆ นี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้จัดโครงการส่งเสริมและพัฒนาร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT Premium และ Thai SELECT ซึ่งมีอยู่ถึง 1,418 แห่ง โดยมีตัวแทนจากร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จำนวน 20 ร้าน 27 ราย จาก 15 ประเทศ เดินทางมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ค้นหาแรงบันดาลใจและวัตถุดิบใหม่ๆ กลับไปพัฒนาร้านอาหารของตัวเอง หนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจคือการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของกับเชฟเจ้าของร้านอาหารไทยที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นและมีชื่อเสียงในแวดวงอาหารของไทยในปัจจุบัน เชฟก้อง – ก้องวุฒิ ชัยวงศ์ขจร เจ้าของร้านโลคุส เนทีฟ ฟู้ด แลป (Locus Native Food Lab) จังหวัดเชียงราย เล่าว่า “อาหารเกิดจากความผูกพันของประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และบุคคล ซึ่งเราได้รับการถ่ายทอดวิธีการทำกันมามากแล้ว แต่ไม่ค่อยได้รับการถ่ายทอดความเข้าใจในหลักการณ์และเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงเกิดเมนูนี้...
จากประเมินจำนวนประชากรโลกในปี 2030 จะเพิ่มขึ้นเป็น 8.5 พันล้านคน จากปัจจุบัน 7.5 พันล้านคน ส่งผลให้ความต้องการอาหารเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบใหม่ เช่น อาหารที่บริโภคในปริมาณน้อย แต่ให้พลังงานและโปรตีนเพียงพอกับความต้องการ หรือ อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จะเข้ามาแทนที่อาหารในรูปแบบเดิม ขณะที่เศรษฐกิจโลกจะเติบโตอย่างมากจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย ด้วยจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 เป็นชาวเอเชีย จึงเป็นโอกาสในการผลิตสินค้าและบริการอาหารรูปแบบใหม่ๆ สำหรับรองรับประชากรเหล่านี้  โดยจะมีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 พันล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16.5  หรือประมาณ 1 ใน 5 ของจำนวนประชากรโลก ซึ่งมีความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพสมวัย รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อช่วยชะลอวัย ทั้งนี้ร้อยละ 60 ของคนส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเมือง ดังนั้น ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานและการรับประทานอาหารอาหารนอกบ้าน จึงได้รับความนิยมอย่างมาก โดยผู้หญิงจะมีอิทธิพลและขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น  เนื่องจากผู้หญิงยุคใหม่ทำงานมากขึ้น จึงมีรายได้สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ด้วยตนเอง ทั้งเพื่อตนเอง คนรัก และครอบครัว สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) ร่วมกับสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม จึงจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ(Workshop) สร้างนักรบอุตสาหกรรมอาหารพันธุ์ใหม่...
ทีมวิจัยคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยความสำเร็จผลงานวิจัย “น้ำผลมะม่วงหิมพานต์”มีประโยชน์ต่อสมองและเพิ่มสมรรถนะการทำงานของกล้ามเนื้อ ปลื้มเป็นงานวิจัยครั้งแรกในประเทศไทย หวังต่อยอดพัฒนาไปสู่กลุ่มธุรกิจอาหารบำบัด หรือแพทย์ทางเลือกพร้อมสานต่อโปรเจ็กต์“เพิ่มมูลค่ามะม่วงพิมพานต์” ทุน สวก.และเอกชน ร่วมสนับสนุนลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง รศ.ดร.จินตนาภรณ์ วัฒนธร รักษาการผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพัฒนาศักยภาพมนุษย์และการสร้างเสริมสุขภาพ ภาควิชาสรีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่าแนวคิดที่มาก่อนที่จะเริ่มมาทำงานวิจัย “น้ำผลมะม่วงหิมพานต์” นั้น มีแรงบันดาลใจมาจากเป็นคนที่สนใจในเรื่องของอาหารบำบัด หรือเรื่องของแพทย์ทางเลือก จึงเกิดไอเดียว่าพวกผักผลไม้มีโอกาสที่จะเอามาใช้ประโยชน์ในเรื่องของอาหารบำบัดได้ เพราะเป็นเหมือนสมุนไพรอยู่แล้ว มีสารที่มีประโยชน์อยู่เยอะ วันหนึ่งได้ดื่มน้ำมะม่วงหิมพานต์รู้สึกแปลกไม่เหมือนเครื่องดื่มอื่นน่าสนใจดี จึงมาค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมพบว่ามะม่วงหิมพานต์สรรพคุณในการบำรุงกำลัง และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงเป็นพืชที่มีศักยภาพ นอกจากนั้นจะเห็นว่าปัจจุบันมะม่วงหิมพานต์เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่สำคัญของประเทศไทย ดังนั้นการพัฒนาต่อยอดเครื่องดื่มมะม่วงหิมพานต์เป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพจะสามารถช่วยสร้างประโยชน์ได้ครบทั้งห่วงโซ่ ตั้งแต่ภาคเกษตร และอุตสาหกรรม สร้างประโยชน์ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค นอกจากจะมีศักยภาพในการที่จะวิจัยพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพแล้วยังมองตั้งแต่กระบวนการวิจัยจนกระทั่งถึงผู้บริโภค ปัจจุบันสังคมไทยเข้าสู่ช่วงสังคมผู้สูงอายุ จึงเล็งเห็นว่าน้ำผลมะม่วงหิมพานต์มีประโยชน์ต่อกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มักจะพบปัญหาเรื่องสมองกับกล้ามเนื้อ ซึ่งที่ผ่านมาทีมวิจัยได้ใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ปี ทำการวิจัยพบว่าในน้ำมะม่วงหิมพานต์มีสารพฤกษเคมีที่เป็นประโยชน์มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มสารสื่อประสาทที่สำคัญหลายอย่าง มะม่วงหิมพานต์ไม่เพียงถูกนำมาใช้เป็นอาหารแต่ในประเทศแถบลาตินอเมริกามีการนำมาใช้เป็นยาด้วย เช่น บำรุงกำลัง รักษาแผล จุดนี้เองจึงเป็นที่มาและสนใจที่จะทำงานวิจัย “น้ำผลมะม่วงหิมพานต์”  ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์โดยใช้เป็นอาหารสร้างเสริมสุขภาพไม่ใช่แค่เพียงเครื่องดื่มธรรมดา “ในผู้สูงอายุนั้นจะมีการเสื่อมของระบบต่างๆ รวมทั้งมีการตายของเซลล์ประสาทในสมองและมีสลายของกล้ามเนื้อ ทำให้นอกจากจะหลงๆลืมๆยังหกล้มง่าย ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ล้มง่ายก็มาจากปัญหาของกล้ามเนื้อ...
จากปัญหาการทำการเกษตรในปัจจุบันที่ต้องเผชิญข้อจำกัดต่างๆ ทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวน พื้นที่ทางการเกษตรที่มีจำกัด ตลอดจนปัญหาแรงงานในภาคการเกษตรที่มีแนวโน้มลดลง ล้วนส่งผลต่อปริมาณและคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตรที่ยากต่อการควบคุม ดังนั้น เทคโนโลยีการผลิตพืชสมัยใหม่ที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจอย่างมากคือ โรงงานผลิตพืช (Plant Factory) จึงเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะเป็นการผลิตพืชในรูปแบบใหม่ที่เป็นระบบปิด ซึ่งสามารถควบคุมการปลูกพืชได้อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งสภาพแสง ความชื้น อุณหภูมิ แร่ธาตุ ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่พืชใช้ในการเจริญเติบโต รวมถึงสามารถกระตุ้นให้พืชหลั่งสารสำคัญ/สารออกฤทธิ์บางอย่างที่ต้องการ เพื่อเพิ่มอัตราการผลิตให้เป็นไปตามที่ต้องการได้และมีความสม่ำเสมอ มีมาตรฐานสูง ด้วยการใช้แสงไฟ LED เป็นแหล่งกำเนิดของแสง เนื่องจากให้ความร้อนน้อยกว่าและประหยัดไฟได้มากกว่าหลอดฟลูออเรสเซนส์ และยังสามารถเลือกสีของแสงได้ตามความต้องการของพืช ทำให้พืชมีสารที่ตอบสนองต่อความต้องการใช้งานได้ดี นับเป็นเทรนด์การปลูกพืชรูปแบบใหม่ของโลกที่น่าสนใจในการที่ไทยจะนำมาปรับใช้ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับภาคเกษตรของไทยในอนาคต โรงงานผลิตพืช เป็นเทรนด์ของโลกด้านการเกษตรสมัยใหม่ที่หลายประเทศให้ความสนใจมากขึ้น จากการควบคุมการผลิตได้ด้วยเทคโนโลยี อีกทั้งเป็นการปลูกพืชในระบบปิด ทำให้ปราศจากโรคและแมลง ปลอดสารเคมี ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสนับสนุนให้โรงงานผลิตพืชเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ตามแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคที่หันมารักสุขภาพด้วยการบริโภคผักที่ปลอดภัยจากสารเคมี ผู้ป่วยที่ต้องการควบคุมสารอาหารต่างๆ เช่น ผักกาดขาวโพแทสเซียมต่ำ สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง เป็นต้น ตลอดจนสังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้คาดว่าโรงงานผลิตพืชจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากในปี 2561 มูลค่ายอดขายของตลาดโรงงานผลิตพืชของโลกอยู่ที่ราว 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ...
ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จัดงาน TMB The Economic Insight 2019 ‘เจาะลึกเศรษฐกิจไทยพร้อมตั้งรับ EEC ในยุคดิจิทัล’ เพื่อให้บริการด้านข้อมูลเชิงเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าธุรกิจ โดยเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน พร้อมชี้ว่าในปี 2562 ผู้ประกอบการไทยควรปรับกลยุทธ์หาตลาดใหม่ๆ พร้อมพัฒนานวัตกรรมสร้างความต่างและเครือข่ายการผลิต นอกจากนี้ยังควรพิจารณาช่องทางการลงทุนในโครงการ EEC เพราะเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมศักยภาพแห่งอนาคต ที่พร้อมรองรับหลากหลายภาคอุตสาหกรรม และมากไปด้วยมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ ทีเอ็มบี ชี้ระบบเศรษฐกิจโลกในปี 2562 มีทีท่าชะลอตัวขนานใหญ่ โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ (1) ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD) ที่ส่งสัญญาณภาคเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงปลายของการขยายตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Late Economic Cycle) (2) ระดับราคาน้ำมัน และค่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ภาคการผลิต (PMI) ที่อยู่ในขาลงมาตั้งแต่ปี 2561 (ราคาน้ำมันโลกลดลงถึง 35% จาก 83 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล...
หนึ่งแนวโน้มเทคโนโลยีสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในช่วงปี 2562 คือ Hyper-Personalization ซึ่งเป็นการนำข้อมูลส่วนบุคคลเชิง Big Data มาประยุกต์ใช้ในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความเฉพาะในแต่ละบุคคล ในมิติที่มากกว่าที่เคยทำได้ในอดีต Hyper-Personalization มีศักยภาพที่จะยกระดับการบริการในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร อุตสาหกรรมการคมนาคม ไปจนถึงอุตสาหกรรมสุขภาพ แต่ กระแสดังกล่าวยังคงมีประเด็นภาคปฏิบัติ เช่น การคัดเลือกตัวแปรข้อมูลเพื่อการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค การจัดการด้านคุณภาพของข้อมูล จนถึงประเด็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลของผู้บริโภค ซึ่งผู้ประกอบการที่ต้องการจะนำเทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ใช้ต้องพิจารณาให้ดี Hyper-Personalization คืออะไร? แตกต่างจาก Personalization อย่างไร? ในเชิงศัพท์การตลาด Personalization นั้น มีความแตกต่างจาก Customization ที่สำคัญคือ Customization จะเป็นการปรับสินค้าหรือการบริการตามความต้องการของผู้บริโภค ที่สอดคล้องกับรายละเอียดที่ผู้บริโภคระบุไว้ด้วยตนเอง ขณะที่ Personalization คือ การที่ผู้ประกอบการคาดเดาความต้องการของผู้บริโภค และปรับสินค้าหรือการบริการของตนตามการคาดการณ์ดังกล่าว โดยที่ผู้บริโภคไม่ต้องลงแรงป้อนข้อมูลให้ผู้ประกอบการ เมื่อเทียบกับ Personalization แล้ว ความแตกต่างของ Hyper-Personalization คือ การนำข้อมูล Big Data มาใช้ในการคาดเดาความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งส่วนหนึ่งจะหมายความว่า...
คนไทยคาดหวังสิ่งใดในวันเทศกาลแห่งความรัก? วันวาเลนไทน์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้หญิงและผู้ชายเป็นเช่นไร? ของขวัญแบบไหนที่ผู้รับคาดหวังที่จะได้รับและของขวัญแบบไหนควรหลีกเลี่ยง? ทีมวิเคราะห์ของ Picodi ตัดสินใจที่จะหาข้อมูลในช่วงเทศกาลนี้เกี่ยวกับการใช้จ่ายและข้อมูลอื่นๆให้ได้มากที่สุดและเช็คปริมาณความรักว่ามีมากน้อยเพียงใด ความนิยมของวันวาเลนไทน์นี้ได้รับความนิยมมากขึ้น หากคุณดูจำนวนคนไทยที่มีความเห็นว่าพวกเขาเข้าร่วมในวันวาเลนไทน์นั้นมีถึง 60% คนไทยส่วนใหญ่ที่จะเข้าร่วมการฉลองวันแห่งความรักนั้นสิ่งหลักที่จะทำคือเตรียมสร้างความประทับใจให้กับคนสำคัญของพวกเขา อย่างไรก็ตามก็มีคนไทยบางส่วนอยากที่ใช้เวลากับเพื่อนๆ (3%) หรือกับญาติพี่น้อง (15%) คนไทยจะใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 4,153 บาทสำหรับของขวัญวันวาเลนไทน์ ผู้ชายจะจ่ายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 1,259 บาท : ผู้ชาย 4,672 บาท และ ผู้หญิง 3,413 บาท สิ่งที่น่าสนใจคือมากกว่าครึ่งของคนไทย (51%) จะยังไม่เริ่มคิดที่ซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์จนกว่าจะถึงเดือนกุมภาพันธ์ สิ่งนี้สอดคล้องกับข้อมูลภายในของ Picodi ซึ่งสังเกตการช้อปปิ้งที่เพิ่มขึ้นประมาณสองสัปดาห์ก่อนวันวาเลนไทน์ โดยเฉพาะในหมวดหมู่เช่นเครื่องประดับหรือน้ำหอม 10% ของคนไทยจะยังไม่เริ่มช้อปปิ้งของขวัญจนกระทั่งถึงช่วงเวลาสุดท้าย วันที่ 13 และ 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ ข้อมูลโดยผู้หญิง อะไรทำให้ผู้หญิงมีความสุขในวันวาเลนไทน์: ของขวัญ การเอาใจใส่หรือคำสัญญา? ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าทั้งของขวัญที่เป็นสิ่งของและไม่ใช่สิ่งของมีความสำคัญเท่าๆกันสำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่ (32%) ผู้หญิง 30% ให้ความสำคัญกับของขวัญซึ่งเป็นสิ่งของเท่านั้น และ 38%...
ปัจจุบันประเทศไทยเราอยู่ในโลกาภิวัฒน์ และวงการศึกษาไทยก็อยู่ในการแข่งขันในระดับโลกาภิวัฒน์หรือการแข่งขันในระดับโลก ในทุกการแข่งขันก็จะมี 2 สิ่งที่สำคัญคือ ปัญหาและโอกาส ถ้าเราสามารถแก้ไขปัญหาได้เราก็จะมีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์ การจัดอันดับมหาวิทยาลัยในระดับประเทศมีมานานนับหลายทศวรรษแล้ว มหาวิทยาลัยในกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกาเหนือมีการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในประเทศตนเอง เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับอาจารย์ นักวิชาการศึกษา นักศึกษาในการตัดสินใจที่จะเลือกมหาวิทยาลัยต่างๆ และภาครัฐและภาคเอกชนใช้ข้อมูลในการตัดสินใจที่จะจัดสรรทุนและสนับสนุนด้านงบประมาณ ต่อมาในปี พ.ศ. 2546 เล่ากันว่าอาจารย์หลิวจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ได้คิดริเริ่มการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก เพื่อใช้ข้อมูลในการเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยในประเทศต่างๆ กับมหาวิทยาลัยในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน วัตถุประสงค์คือการวัดความก้าวหน้าด้านการศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยของประเทศยุโรปและอเมริกา และเพื่อผลักดันความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยจีน อีกทั้งใช้เป็นข้อเสนอในการจัดสรรงบประมาณสู่ภาคการศึกษา หน่วยงาน และมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจีน ต่อมาปี พ.ศ. 2547 องค์กรของ Time Higher Education (THE) จากกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ จึงได้จัดอันดับมหาวิทยาลัยอันดับโลกขึ้นอย่างเป็นทางการจนกระทั่ง พ.ศ. 2553 องค์กรของ Time Higher Education มีความคิดที่แตกแยกเรื่องตัวชี้วัดและน้ำหนักตัวชี้วัด จึงแตกออกมาเป็นอีกองค์กรหนึ่งเรียกว่า QS World University Rankings จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ...
ศ.ดร. อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์สะพานโมรานดิ ประเทศอิตาลีพังถล่มลงมา มีผู้ เสียชีวิตจำนวนมาก ปัจจุบันก็ยังอยู่ระหว่างค้นหาผู้ที่ยังติดใต้ซากสะพานอีก การถล่มของสะพานที่อิตาลีครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก และแม้ว่าจะเกิดขึ้นห่างไกลจากประเทศไทย แต่ก็ถือว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ไกลตัวเลย เพราะแต่ละประเทศก็มีสะพานใช้งานจำนวนมาก รวมถึงประเทศไทยด้วย ในทางวิศวกรรม สะพานจำแนกได้หลายรูปแบบ เช่น สะพานช่วงสั้น มักมีช่วงพาดไม่เกิน 20-40 ม. สะพานช่วงปานกลางมีช่วงพาดประมา ณ 40-80 ม. และ สะพานช่วงยาวมีช่วงพาดเกิน 100 ม. ขึ้นไป สะพานยังอาจแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ตามวัสดุที่ใช้ก่อสร้างได้แก่ สะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก สะพานคอนกรีตอัดแรง และ สะพานเหล็ก สะพานที่มีขนาดใหญ่และช่วงพาดยิ่งยาว และที่ผ่านการใช้งานมานานก็ยิ่งมีระบบโครงสร้างที่ซับซ้อน ก็อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีก ปัจจัยที่ทำให้สะพานถล่ม มี 5 สาเหตุหลักคือ 1. การออกแบบผิดพลาด...