วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน 2025

ผู้ประกอบการในประเทศไทยไม่น้อยที่ต้องทำการค้าขายกับต่างประเทศอยู่เสมอ finbiz by ttb นำเสนอหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ผู้ประกอบการที่ค้าขายกับต่างประเทศสร้างความได้เปรียบจากสกุลเงิน เพราะปัจจุบันประเทศไทยค้าขายกับประเทศในภูมิภาคมีสัดส่วนสูงถึง 50% และคู่ค้าที่มาแรงเป็นอันดับหนึ่ง ในช่วง 5 ปีหลังนี้ ก็คือประเทศจีน โดยปัจจุบันมีสัดส่วนถึง 18.4% ในขณะที่ผู้ประกอบการยังคงใช้สกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลหลักถึง 79.6% และเป็นสกุลเงินที่มีความผันผวนที่สูงถึง 15.5% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าสกุลท้องถิ่นทั่วไป ผู้ประกอบการจึงต้องเผชิญความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่เงินสกุลบาทและเงินสกุลในภูมิภาคมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน ในทางกลับกัน หากผู้ประกอบการเปลี่ยนมาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) ในการดำเนินธุรกิจ อาทิ จีนหยวน เกาหลีวอน อินโดนีเซียรูเปียะ อินเดียรูปี มาเลเซียริงกิต ที่มีการปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับเงินบาท จะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ ซึ่งในอนาคตการใช้สกุลหยวนยังมีแนวโน้มที่จะเป็นเงินสกุลหลักอีกสกุลหนึ่ง ด้วยนโยบายของทางการจีนกำลังผลักดันให้เงินหยวนเป็นที่ต้องการในด้านการค้าระหว่างประเทศของโลก ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้มีการผ่อนคลายเกณฑ์ธุรกรรมในบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) ได้อย่างเสรีมากขึ้น และสนับสนุนการใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการค้าขายระหว่างประเทศ เพื่อผลักดันให้เกิดระบบนิเวศของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนใหม่ (New FX Ecosystem) ทั้งนี้ การที่ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ยังคงใช้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายกับจีน จะต้องแปลงเงินไทยไปเป็นดอลลาร์สหรัฐ และค่อยแปลงจากดอลลาร์ไปเป็นหยวนอีกที ทำให้มีความท้าทายด้านต่าง ๆ...
การ์ทเนอร์เผยผลสำรวจของซีอีโอและผู้บริหารระดับสูง พบว่า 21% ระบุว่าปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่สุดและเชื่อว่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมไปในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ มาร์ค ราสกิโน รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “Generative AI จะส่งผลกระทบอย่างสูงต่อธุรกิจและรูปแบบการดำเนินงานต่าง ๆ อย่างไรก็ตามความกลัวที่จะตกเทรนด์หรือพลาดโอกาสทางธุรกิจกลับเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของตลาดเทคโนโลยี โดย AI กำลังเข้าไปสู่จุดที่ผู้บริหารที่ยังไม่ลงทุนในเทคโนโลยีนี้เริ่มกังวลว่าพวกเขาอาจพลาดบางสิ่งที่สำคัญในการแข่งขัน" The 2023 Gartner CEO and Senior Business Executive Survey เป็นรายงานประจำปี จัดทำขึ้นเพื่อสำรวจมุมมองของบรรดาผู้บริหารธุรกิจอาวุโสกว่า 400 ราย ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรม ที่มีรายได้และขนาดองค์กรแตกต่างกัน จากทั้งภูมิภาคอเมริกาเหนือ (North America), ยุโรป, เอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลางและแอฟริกาใต้ ครึ่งหนึ่งของซีอีโอมองว่า “Growth” คือ กลยุทธ์ทางธุรกิจที่มีความสำคัญอันดับแรก คริสติน โมเยอร์ รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “เมื่อต้องจัดลำดับความสำคัญของการดำเนินธุรกิจ...
นับแต่ช่วงต้นปี 2566 แรงกดดันต่อข้อกล่าวหาว่า ผู้ผลิตจีนใช้ฐานการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ใน 4 ประเทศอาเซียนรวมถึงไทยเพื่อเลี่ยง AD/CVD มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากความเห็นต่างของรัฐสภาสหรัฐฯ ต่อคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และการเลื่อนประกาศผลไต่สวนขั้นสุดท้ายไปเป็นกลางเดือนสิงหาคม ส่งผลให้ผู้นำเข้าสหรัฐฯ เริ่มปรับไปนำเข้าจากแหล่งใหม่อย่าง “อินเดีย” ขณะที่ผู้ผลิตจีนบางรายในเวียดนามก็เริ่มขยับไปใช้ฐานประกอบในประเทศดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า มีความเป็นไปได้ที่ผู้ผลิตจีนบางรายในไทยที่เข้าข่ายเลี่ยง AD/CVD อาจจะปรับแผนการผลิตของตนเร็วกว่าที่คาด และส่งผลกดดันการส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ไทยไปสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งจะทำให้มูลค่าส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ไทยไปยังสหรัฐฯ ในปี 2566 เติบโตเพียงร้อยละ 30 จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตราวร้อยละ 57 การส่งออก “แผงโซลาร์เซลล์” ไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดสำคัญอันดับต้นของไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดราวร้อยละ 97 ในช่วงไตรมาสแรก 2566 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และผู้นำเข้าสหรัฐฯ เร่งคำสั่งซื้อก่อนผลตัดสินขั้นสุดท้าย ภายใต้สถานการณ์ที่ไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังถูกไต่สวนโดยสหรัฐฯ จากกรณีที่มีผู้ผลิตจากจีนบางรายพยายามเลี่ยงมาตรการ AD/CVD ทำให้ไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกเก็บอากรขาเข้าในอัตราที่สูงเช่นเดียวกับบริษัทที่ตั้งอยู่ในจีน (ร้อยละ 16–254) แม้เบื้องต้นผลกระทบต่อไทยดูเหมือนจะยังคงอยู่ในวงจำกัดภายใต้คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ให้ยกเว้นอากรดังกล่าวถึงกลางปี 2567 อย่างไรก็ดี แรงกดดันก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2566...
Opensignal ผู้ดำเนินการวิเคราะห์ระบบมือถือและกำหนดมาตรฐานระดับโลกเผยรายงานประสบการณ์เครือข่ายมือถือของประเทศไทย เดือนพฤษภาคม 2566 พบว่า AIS ครองตำแหน่งผู้ให้บริการที่ได้รับรางวัลมากที่สุดอีกครั้ง โดยเป็นรางวัลที่ชนะแต่เพียงผู้เดียว 9 รางวัลและรางวัลร่วมอีก 2 รางวัล แม้ว่าจะได้รับรางวัลร่วมหนนี้น้อยกว่าเดิมเมื่อเทียบกับ รายงานในครั้งที่แล้ว เราพบว่าผู้ใช้งานในประเทศไทยเพลิดเพลินกับความเร็วที่สูงที่สุดบนเครือข่ายของ AIS พร้อมยังได้รับประสบการณ์การเล่นเกมและแอปสื่อสารด้วยเสียงที่ดีที่สุดทั้งจากการใช้งานเครือข่ายโดยรวมและการใช้งานเครือข่าย 5G ขณะที่ AIS ยังคงรักษาคุณภาพความเสถียรขั้นสูงและนำหน้า TrueMove H ในด้านประสบการณ์ความเร็วการอัปโหลด แต่ก็หลุดจากตำแหน่งผู้ชนะในด้านความพร้อมใช้งาน 5G DTAC ได้รับรางวัลเพิ่มในรอบนี้ โดยคว้ารางวัลประสบการณ์วิดีโอมาจาก TrueMove H และขึ้นเป็นผู้ชนะร่วมในด้านประสบการณ์วิดีโอ 5G และยังคงเป็นผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวในด้านคุณภาพความเสถียรหลัก โดย TrueMove H หลุดจากรางวัลประสบการณ์วิดีโอและประสบการณ์ความเร็วในการอัปโหลดให้กับคู่แข่ง อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ TrueMove H สามารถทำลายสถิติที่เคยเสมอกับ AIS กลายเป็นผู้ชนะแต่เพียงผู้เดียวในรางวัลความพร้อมใช้งาน 5G สรุปข้อมูลสำคัญ: TrueMove H แซงหน้า AIS คว้ารางวัลความพร้อมใช้งาน 5G แต่เพียงผู้เดียว ในรายงานก่อนหน้านี้...
การ์ทเนอร์ อิงค์ คาดการณ์มูลค่าการใช้จ่ายบริการคลาวด์สาธารณะของผู้ใช้ทั่วโลกในปี 2566 จะเติบโตเพิ่มขึ้น 21.7% คิดเป็นมูลค่า 597.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มจาก 491 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2565 ซึ่งคลาวด์คอมพิวติ้งคือปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนธุรกิจดิจิทัลให้เติบโตไปอีกขั้น ตามที่หลาย ๆ องค์กรกำลังปรับตัวรับมือกับการหยุดชะงักโดยนำเทคโนโลยีกำเนิดใหม่ อาทิ Generative AI, Web3 และ Metaverse มาเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ การ์ทเนอร์คาดว่าองค์กรธุรกิจในประเทศไทยจะมีปริมาณการใช้จ่ายในบริการคลาวด์สาธารณะปี 2566 เพิ่มขึ้น 31.7% จากปี 2565 คิดเป็นมูลค่า 54.8 พันล้านบาท โดยตลาดคลาวด์ทุกกลุ่มคาดว่าจะเติบโตในปีนี้ และบริการ Infrastructure-as-a-service (IaaS) คาดว่าจะเติบโตสูงสุดที่ 44.3% ซิด ณาก รองประธานฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “ผู้ให้บริการคลาวด์ระดับไฮเปอร์สเกลกำลังขับเคลื่อนคลาวด์เป็นวาระสำคัญ โดยปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ มองว่าคลาวด์คือแพลตฟอร์มกลยุทธ์ขั้นสูงสำหรับทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ซึ่งองค์กรเหล่านี้ต้องการผู้ให้บริการคลาวด์ที่สามารถนำเสนอความสามารถที่ซับซ้อนได้มากขึ้น อันเป็นผลมาจากแนวโน้มการแข่งขันของบริการดิจิทัลที่กำลังร้อนระอุ” “ตัวอย่างเช่น Generative...
เปิดเส้นทางความสำเร็จ 30 ปี พฤกษา จากทาวน์เฮาส์บ้านพฤกษาสู่อาณาจักรอสังหาฯ หมื่นล้าน ก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 พร้อมส่งมอบการอยู่อาศัยที่ “อยู่ดี มีสุข” หลายคนอาจไม่ทราบว่ากว่า พฤกษา เรียลเอสเตท จะก้าวมาเป็นบริษัทอสังหาหมื่นล้านอย่างทุกวันนี้ บริษัทฯ แห่งนี้เริ่มต้นธุรกิจจากการทำทาวน์เฮาส์มาก่อน โครงการแรก คือ บ้านพฤกษา 1 ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่ง คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536 จากจุดเริ่มต้นจนถึงวันนี้รวมเป็นเวลา 30 ปี คุณทองมาได้แสดงวิสัยทัศน์ที่จะไม่หยุดนิ่ง พร้อมมุ่งไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ วิสัยทัศน์นี่เองที่เป็นแรงหนุนสำคัญทำให้พฤกษาเติบโตจนกลายมาเป็นบริษัทอสังหายักษ์ใหญ่ และจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งด้วยความตั้งใจที่จะส่งมอบการอยู่อาศัยที่ อยู่ดี มีสุข รวมทั้งมุ่งขยายกิจการไปยังธุรกิจใหม่ ๆ ตามเทรนด์โลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปรากฎให้เห็นแล้วจากการรุกธุรกิจโรงพยาบาล อีคอมเมิร์ซ และพลังงานทางเลือก เส้นทางการดำเนินธุรกิจตลอด 3 ทศวรรษของพฤกษาจึงเป็นเรื่องน่าสนใจ และสิ่งที่พฤกษาจะทำนับจากนี้ก็น่าจับตามองอย่างยิ่ง จากทาวน์เฮ้าส์ขยายฐานสู่ที่พักอาศัยระดับพรีเมียม คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ  ปัจจุบัน...
ปี 2566 ธุรกิจประกันวินาศภัยมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น ตามปัจจัยบวกจากการรับประกันภัยรถที่มีสัดส่วนเบี้ยสูง แรงสะเทือนจากการรับประกันโควิด 19 ยังไม่สิ้นสุด แม้ว่ากรมธรรม์เจอจ่ายจบสิ้นสุดลงพร้อมด้วยการปิดตัวลงของบริษัทประกันภัย 4 แห่ง และอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ 1 แห่ง เนื่องจากยังมีภาระหนี้สินต่อผู้เอาประกันที่ค้างจ่ายอีกกว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นภาระผูกพันที่ส่งต่อให้กับกองทุนประกันวินาศภัยและคงต้องใช้เวลาในการดูดซับความเสียหายที่เกิดขึ้น อันเป็นบทเรียนสำหรับการรับประกันความเสี่ยงใหม่ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังและมีกรอบกติกาที่รัดกุม ภาพรวมการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2566 จากมิติของเบี้ยประกันภัยรับตรง มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลักจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประกอบกับการแข่งขันด้านราคาลดลง ทั้งจากจำนวนบริษัทประกันลดลง และต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนการเอาประกันภัยต่อที่สูงขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เบี้ยรับรวมของธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2566 จะเติบโตได้ต่อเนื่องที่ 4-5% ประเภทการประกันภัย25622563256425652566f1. การประกันอัคคีภัย10,11810,16710,3559,86810,000% เปลี่ยนแปลง-0.330.491.84-4.701.0-1.52. การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง5,4695,2896,3177,0026,500-6,800% เปลี่ยนแปลง-0.88-3.2819.4310.83(-3.0)-(-7.0)3. การประกันภัยรถ144,025146,017147,406154,886165,500-166,500% เปลี่ยนแปลง5.691.380.955.076.8-7.54. การประกันภัยเบ็ดเตล็ด84,44391,14498,717102,461103,000-104,700% เปลี่ยนแปลง5.327.948.313.790.5-2.0รวมการรับประกันภัยทุกประเภท244,055252,618262,795274,216285,000-288,000% เปลี่ยนแปลง5.153.514.034.354.0-5.0ที่มา: สำนักงาน คปภ.     รวบรวมและคาดการณ์: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย      เบี้ยรับที่เป็นตัวนำในการสนับสนุนการเติบโตของภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยในปีนี้ มาจากการรับประกันภัยรถเป็นหลัก โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าเบี้ยรับตรงจากการรับประกันภัยรถในปีนี้จะขยายตัวจากปีก่อนที่ 6.8-7.5% ตามผลบวกด้านยอดขายรถยนต์ใหม่...
กูรูระดับโลกเผยอุตสาหกรรมเคมีจะมีบทบาทสำคัญที่สุดในการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่จะตามมา แม้ว่าอุตสาหกรรมเคมีในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้จะเผชิญความท้าทาย แต่ก็มีโอกาสทางธุรกิจและโอกาสในการเติบโตอีกมหาศาลที่รออยู่             เมื่อเร็วๆ นี้ นายราฟาเอล กายูเอล่า นักเศรษฐศาสตร์ และ ประธาน European Chemical Association (CEFIC) Strategy Mid Century Project และผู้เขียนหนังสือ “The Future of the Chemical Industry by 2050” กล่าวกับผู้ร่วมสัมมนาระหว่างการบรรยาย “Global Perspective: Challenges and Opportunities for Business from the Net Zero” ในงานสัมมนา “The Fast Track to Net Zero” จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย...
มูเตลูไทยเฟื่องฟูสุดๆ ดัน ‘ธุรกิจกิจกรรมด้านความเชื่อเพื่อสนับสนุนการตลาด’ เบียดแซงหน้าขึ้นแท่นธุรกิจดาวเด่น ...เปิดรายได้รวมปลายปีเพิ่มขึ้นกว่า 113% ขณะที่สินทรัพย์ธุรกิจเพิ่มขึ้นกว่า 50% โซเชียลมีเดียและเว็บไซต์เป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาความเชื่อของผู้บริโภคมากที่สุด ขณะที่การพยากรณ์ดวงชะตาแบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือนได้รับความนิยมสูงสุด ส่งผลภาคธุรกิจนำความเชื่อด้านโชคลางไปใช้สนับสนุนการบริหารจัดการทั้งส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์สินค้ามากขึ้น ธุรกิจสายมูส่วนใหญ่ดำเนินกิจการในรูปแบบบุคคลธรรมดา ไม่นิยมจัดตั้งเป็นนิติบุคคล ขอเชิญชวนให้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและสามารถขยายธุรกิจสู่การให้บริการที่หลากหลายมากขึ้น นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2563 เข้าสู่ปี 2566 มูเตลู หรือความเชื่อในศาสตร์เร้นลับ การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่อเสริมดวงและโชคชะตาในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ผู้นับถือศาสตร์มูเตลู (สายมู) เชื่อว่าการบูชาและศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลังจะช่วยส่งเสริมด้านการงาน การเงิน โชคลาภ และความรัก ซึ่งเป็นที่พึ่งทางใจและส่งพลังด้านบวกให้ชีวิต ผนวกกับเรื่องของความเชื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยบรรเทาความกังวลและความไม่แน่นอน โดยเฉพาะสถานการณ์ที่เศรษฐกิจมีความผันผวน มีปัจจัยที่ไม่อาจคาดการณ์เกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น โรคอุบัติใหม่ โรคระบาด อันตรายจากปัญหาสิ่งแวดล้อม ความเหลื่อมล้ำทางสังคม การศึกษา ความเห็นต่าง รวมทั้ง การไม่สามารถปรับตัวให้ทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ และสถานการณ์ต่างๆ...
อุตสาหกรรมยานยนต์จะเผชิญกับความยุ่งยากมากขึ้นในปีนี้  ในปี 2568 บริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่จะเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการสำหรับรถยนต์ใหม่บนท้องถนนถึง 95% ในปี 2569 มากกว่า 50% ของรถยนต์ไฟฟ้า (EVs) ที่จำหน่ายทั่วโลกจะเป็นแบรนด์จีน การ์ทเนอร์ ชี้มีปัจจัยหลายประการที่ทำให้ปี 2566 กลายเป็นบททดสอบอย่างแท้จริงในการแก้ไขปัญหาของภาครัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEVs) ให้เดินไปข้างหน้า เปโดร ปาเชโก รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “ปีนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบให้เดินหน้าได้ต่อ ด้วยราคาค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นในยุโรปทำให้ต้นทุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) น่าสนใจลดลง ประกอบกับในบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรเลีย ที่กำลังเริ่มจัดเก็บภาษีรถยนต์อีวี นอกจากนี้ช่วงต้นปี 2566 จีนยุติการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงยังมีปัจจัยด้านการวางโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จทั่วโลกที่พบว่ายังไม่ครอบคลุมเพียงพออย่างมาก และคุณภาพการให้บริการโดยเฉลี่ยก็ยังแย่” นอกเหนือจากนี้ ยังมีปัจจัยราคาของวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น ลิเธียมและนิกเกิลที่ทำให้ต้นทุนการผลิตรถ BEV สูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนแบบโออีเอ็ม (หรือ OEM) ลดช่องว่างด้านราคากับรถยนต์เครื่องยนต์สัปดาปได้ยากขึ้น ผลที่ตามมาคือยอดขายรถ BEV อาจเติบโตในระดับที่ต่ำกว่ามากหรือหยุดชะงักในบางตลาด ทำให้การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับรถ BEV...