“การท่องเที่ยว” เป็นบริการที่สร้างรายได้ให้ประเทศไทยปีละ 3 ล้านล้านบาท (คาดการณ์ปี 2561) มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเที่ยวไทยเฉลี่ยถึงเดือนละ 3.5 ล้านคน รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญจึงเพิ่มทางเลือกให้นักท่องเที่ยวด้วยนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 เมือง ผนวกกับแนวคิดส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน หรือ “แอ่งเล็ก เช็คอิน” เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวไปยังหมู่บ้าน/ชุมชน อันเป็นการกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากมากขึ้น
จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 ได้เห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมราว 150,000 ล้านบาท โดยกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมมาราวกว่า 9,300 ล้านบาท กระจายการดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยจัดทำโครงการ “ชุมชนท่องเที่ยว โอท็อป นวัตวิถี” เพื่อสร้างรายได้ให้กระจายอยู่กับประชาชนในหมู่บ้าน/ชมุชน บนพื้นฐานเสน่ห์ ภูมิปัญญา วัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ที่ดัดแปลงให้เกิดมูลค่าเพิ่ม
ภายใต้คำขวัญจังหวัด “เหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก ถิ่นสักใหญ่ของโลก” สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยนายทรงพล วิชัยขัทคะ เปิดเมืองลับแล ดินแดนผสาน 3...
ในบริบทของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนไป ทำให้ทุกธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด นอกจากการแข่งขันกับคู่แข่งเดิมในตลาดแล้ว ยังต้องเตรียมพร้อมต่อการเผชิญกับคู่แข่งรายใหม่ๆ ด้วย
นายคมกฤช บริบูรณ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ Borriboon Craft เล่าถึงจุดเปลี่ยนของงานจักสานไทยในงานสัมมนา "นวัตกรรมทำหนึ่ง...ได้สิบ" เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีสากล ให้ผู้ประกอบการ SME ไทย จัดโดย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ว่า “แบรนด์บริบูรณ์นำงานจักสานไทยก้าวข้ามโครงสร้างที่บิดเบี้ยวของราคากลายเป็นรูปแบบที่แข็งแกร่งที่ทำให้ช่างฝีมือไทยและอุตสาหกรรมจักสานไทยอยู่ได้อย่างยั่งยืน จากการเป็นสมาชิกของศูนย์ส่งเสริมฝีมือการจักสานด้วยไม้ไผ่ พนัสนิคม จ.ชลบุรี เมื่อถึงจุดที่งานจักสานไทยที่ส่งออกไปต่างประเทศไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับประเทศอื่นอย่างจีนได้ จึงต้องมองหาตลาดใหม่ที่นำเอาภูมิปัญญาไทยเข้าไปแก้ Pain Point และตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้งาน ญี่ปุ่นเป็นตลาดเป้าหมายที่เข้าไปศึกษาพฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิต ชาวญี่ปุ่นนั้นชื่นชอบงานสาน งานฝีมือ แต่ขณะเดียวกันช่างฝีมือญี่ปุ่นเองก็มีคุณภาพมาก ประเทศไทยจึงต้องผลิตชิ้นงานที่มีทั้งคุณภาพด้านฝีมือและมูลค่าเพิ่มด้านการใช้งาน อาทิ กล่องใส่อุปกรณ์ชงชา ที่จะต้องนำไปใช้ในช่วงเทศกาล หรืออาจจะผันไปเป็นกล่องใส่อุปกรณ์ตัดเย็บตามวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่น บางครั้งก็มีการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์หรือโค-แบรนด์ดิ้ง (co-branding) เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าให้ราคาเทียบเท่าสินค้าแบรนด์เนม สิ่งเหล่านี้คือนวัตกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ตลาดเป้าหมาย และเป้าหมายต่อไปคือยุโรปที่ต้องศึกษารูปแบบการใช้ชีวิต และพิจารณาว่าสินค้าของบริบูรณ์จะเข้าไปตอบโจทย์ด้านใดให้ลูกค้าได้บ้าง บางครั้งนวัตกรรมไม่ต้องซับซ้อนแต่ต้องตอบโจทย์สิ่งที่ลูกค้าต้องการให้ได้”
สุดท้ายแล้วโจทย์สำคัญของผู้ประกอบการ SME คือ รายได้ไม่คงที่ ในขณะที่ต้นทุนคงที่มีมากเกินไป ซึ่งต้องพยายามผลักให้เป็นต้นทุนตามยอดการสั่งซื้อมากที่สุด วันหนึ่งเมื่อธุรกิจดีขึ้นเรื่อยๆ ถึงจุดที่รองรับความต้องการตลาดในประเทศได้แล้ว จะต้องเริ่มออกสู่ตลาดสากล ออกไปแข่งขันในระดับที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น นวัตกรรมจึงมีส่วนสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่เกิดใหม่ แต่ต้องสร้างความแตกต่าง ตอบโจทย์และแก้ Pain Point ของกลุ่มเป้าหมายได้ เพื่อทำให้สินค้าสามารถอยู่ได้ในตลาดได้อย่างยั่งยืน
ในบริบทของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนไป ทำให้ทุกธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด นอกจากการแข่งขันกับคู่แข่งเดิมในตลาดแล้ว ยังต้องเตรียมพร้อมต่อการเผชิญกับคู่แข่งรายใหม่ๆ ด้วย นวัตกรรมจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการสร้างความแตกต่างและจุดเปลี่ยนให้กับธุรกิจ หากผู้ประกอบการพร้อมจะปรับตัวเพื่อความอยู่รอด และมีไหวพริบในการนำสิ่งใหม่ๆ เข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ก็จะมีโอกาสขยายตลาดหรือ “แจ้งเกิด” ได้ เมื่อเร็วๆ นี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจัดสัมมนา "นวัตกรรมทำหนึ่ง...ได้สิบ" เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีสากล ให้ผู้ประกอบการ SME ไทย
นางสาวพิมพ์มาดา พัฒนปรัชญาพงศ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์สินค้าอาหาร Okusno (คางกุ้งทอดกรอบ) เล่าว่า “จากจุดเริ่มต้นของการเห็นส่วนใต้หัวของกุ้งที่ถูกคัดทิ้งระหว่างรับประทาน จนเกิดไอเดียอยากนำมาพัฒนาเป็นของขบเคี้ยว ออกเดินทางสู่สมุทรสาครเพื่อหาผู้ที่จะคัดเฉพาะส่วนคางกุ้งให้ ทดลองผลิตภัณฑ์จนสามารถบรรจุใส่ซองเพื่อจำหน่าย ด้วย 3 กลยุทธ์หลักคือ
สร้างคาแรคเตอร์ให้สินค้า ชูความเป็นเจ้าแรก
พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่างศูนย์การค้าพารากอน เพราะตั้งเป้าจับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ศึกษาตลาดจนพบว่าจะต้องให้ลูกค้าได้ทดลองชิมรสชาติสินค้าให้ได้ เพราะคางกุ้งเป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น ลูกค้ายังไม่รู้จัก
จากการทดลองชิมและการไปแข่งขันในรายการ SME ตีแตกจนเป็นผู้ชนะ ทำให้สินค้าไต่อันดับชั้นวางสินค้าขึ้นมาอยู่จุดระดับเดียวกับสายตาผู้ซื้อ นับจากจุดเริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้เป็นเวลา 4 ปีครึ่ง ที่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย ตอบโจทย์ที่ลูกค้าต้องการ ปรับเปลี่ยนปริมาณผลิตภัณฑ์เพื่อให้ไม่มากไม่น้อยเกินไปแต่เหมาะสมกับราคา เลือกทำการตลาดทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์เพราะเป็นสินค้าที่จับกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง จึงต้องสร้างการรับรู้ทุกช่องทาง แต่เลือกให้สื่อสารให้เหมาะสม ในยุค 4.0 เช่นนี้
“ความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดคือความไม่ยอมเสี่ยง วันหนึ่งที่ตัดสินใจทำอะไร หลังจากพิจารณาโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและมั่นใจว่าสินค้าตอบ Pain Point ลูกค้าได้แล้วต้องตั้งใจทำ ต้องมีความมุมานะ ดูแลให้ดี ให้สินค้าเติบโต ใส่ใจมากที่สุดจนกว่าจะมั่นใจจริงๆ ว่าอยู่ในตลาดได้ เพราะธุรกิจสามารถโตภายใน 7 วันแต่ก็ล้มได้ใน 7 วันเช่นกัน” พิมพ์มาดา กล่าว
ม.ล.คฑาทอง ทองใหญ่ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า...
แม้ดอยผาหมี จะเป็นแหล่งปลูกกาแฟชั้นดี มีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 1,500 ไร่ ทว่า ในชุมชนกลับไม่มีเครื่องคั่วกาแฟเลย ชาวบ้านต้องเดินทางกว่า 30 กิโลเมตรไปจ้างคั่วนอกพื้นที่ แต่วันนี้ดอยผาหมีมีเครื่องคั่วกาแฟประจำชุมชน พร้อมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและจดจำเมื่อมาเยือน
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Development Bank) หรือ ธพว. เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลเชิงลึกชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศที่มีความโดดเด่น เพื่อต่อยอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ โดย “ดอยผาหมี” ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งธนาคารสนับสนุน เนื่องจากเห็นศักยภาพจากต้นทุนแผ่นดิน มีธรรมชาติสวยงามอุดมสมบูรณ์ สืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นดีงาม อีกทั้งยังเป็นแหล่งปลูกกาแฟชั้นเยี่ยมของประเทศ เดินทางสะดวกอยู่ห่างจากตัวเมือง อ.แม่สาย แค่ 7 กิโลเมตร และคาดว่าในอนาคตอันใกล้ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอีกจำนวนมาก เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากพื้นที่อยู่ติดกับถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ซึ่งเกิดเหตุการณ์นักฟุตบอลทีม"หมูป่าอะคาเดมี่แม่สาย" 13 ชีวิตติดถ้ำ จนโด่งดังไปทั่วโลก กำลังก้าวเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย
ปั้นแบรนด์ “กาแฟดอยผาหมี”
ทั้งนี้ การสนับสนุนเบื้องต้น...
พ่อแม่แต่ละรุ่นมักสอนลูกว่า “เรียนให้เก่ง ๆ นะลูก โตขึ้นจะได้เป็นเจ้าคนนายคน” เชื่อกันมาเป็นร้อยปีและถ่ายทอดกันเป็นมรดกมานานพอ ๆ กัน และด้วยความเชื่อแบบนี้ เราจึงมี “เจ้าคนนายคน”เกลื่อนระบบบริการ โดยเฉพาะบริการของภาครัฐ
แล้วพอมีคนที่คิดแปลก คิดแยกไปจากคนอื่น โบราณก็จะว่าเขาคนนั้นเป็น “คนนอกคอก”เป็น “คนแหกคอก”
แต่ก็แปลกนะ“คนแหกคอก”ที่คิดดี ๆ ไม่เหมือนกับคนอื่นมักประสบความสำเร็จ
ประภัส ไชยเยศ หรือ เนม หนุ่มใหญ่วัย 26 ปีเป็นคนหนึ่งที่มีความคิดแตกต่างกับชาวบ้าน เขาเป็นศิษย์เก่าวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีร้อยเอ็ด ภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเหล่าหมากคำ ต.นาภู อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม เข้าเรียนเกษตรด้วยการแนะนำของ อภิมุข ศุภวิบูลย์ อดีตรองผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีร้อยเอ็ด ที่ปัจจุบันเป็นรองผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม
เลือกเรียนอาชีวะเพื่อเป็นเกษตรกรที่ดี
ครอบครัวของเนมมีฐานะปานกลาง พ่อเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล แม่เป็นเกษตรกร แม้พ่อแม่จะมีกำลังทรัพย์พอจะเรียนสายสามัญจนจบมหาวิทยาลัยได้ แต่ด้วยคำแนะนำของอภิมุขที่ว่า การเรียนอาชีวะเกษตรจะทำให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติจนสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพได้เป็นอย่างดี ทำให้เขาตัดสินใจเข้าเรียนเกษตรอาชีวะ ด้วยความหวังแน่วแน่ว่าเมื่อจบออกไปจะไปเป็นเกษตรกรที่ดี โดยเลือกเรียนในสาขาวิชาสัตวศาสตร์ จนจบ ปวส.แล้วไปต่อปริญญาตรีที่สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตกาฬสินธุ์
นำสิ่งที่คนอื่นรังเกียจมาต่อยอด
เมื่อสำเร็จการศึกษาออกมาแรกเริ่มเขาตั้งใจว่าจะประกอบอาชีพการเกษตร แต่ทางครอบครัวต้องการให้ทำงานราชการหรือทำงานเอกชน เขาจึงไปสมัครเป็นลูกจ้างของกรมปศุสัตว์ ทำงานอยู่ที่สำนักงานปศุสัตว์...
เมื่อ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือจับคู่ธุรกิจในโครงการขับเคลื่อนสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมอาชีวศึกษาเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม ภาคเหนือ ซึ่งจัดขึ้นที่วิทยาลัยเทคนิคลำพูน
ในงานนี้คุณสุนันทา พลโภชน์ หัวหน้ากลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สอศ.ได้แนะนำให้รู้จักกับ คุณขวัญนภา อยู่ยิ่ง ศิษย์เก่าแผนกวิชาแฟชั่นและสิ่งทอวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์ ซึ่งจบเมื่อ ปี 2553 ปัจจุบันเธอเลือกที่จะต่อยอดงานตัดเย็บเสื้อผ้าของแม่
เธอบอกว่า “เรียนจบมา หนูเคยคิดอยากทำงานต่างจังหวัด ทำงานบริษัทใหญ่ แบรนด์ชั้นนำต่างๆ แต่พอมองกลับมาหาตัวเอง หนูนึกถึงแม่ หนูไม่อยากปล่อยให้แม่อยู่คนเดียว ห่วงแม่เลยตัดสินใจรับช่วงกิจการต่อจากแม่ เดิมแม่ก็เป็นช่างตัดผ้าน่ะค่ะ ร้านเล็กๆที่หาเลี้ยงหนูจนหนูมีกิจการเป็นของตัวเอง หนูอยากให้น้องๆได้มีงานทำหาเลี้ยงตัวเองและสามารถดูแลครอบครัวได้ในเวลาเดียวกัน”
ในการบริหารกิจการนั้นเธอเลือกที่จะดึงรุ่นน้องมาฝึกงานจนได้ร่วมงานด้วยเพราะเห็นว่า น้องๆที่จบจากอาชีวะ มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและความถนัดในงานตัดเย็บเสื้อผ้าและงานต่างๆที่ทำจากผ้า ที่สำคัญเพราะ “หนูอยากให้น้องๆมีงานทำในจังหวัด ส่วนมากจะมีทัศนคติคล้ายๆกับหนู แต่ส่วนหนึ่งที่เห็นน้องๆที่แผนก ทัศนคติของน้องหลายๆ คนต่างกัน บางคนมองว่าทำธุรกิจแบบนี้ ไม่มีหน้ามีตาไม่โก้หรู แต่ถ้าน้องๆหลายคนได้มาสัมผัสน้องจะรู้ว่า การทำงานที่เรารักและอยู่กับคนที่เรารัก มันเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดค่ะ”
อีกมุมมองของเธอที่น่าสนใจคือด้านการตลาด เธอบอกว่า “ร้านของหนูเป็นร้านเล็กๆที่เน้นฝีมือและคุณภาพ หนูเน้นเข้าถึงลูกค้ามากกว่าให้ลูกค้าเข้าถึงหนู เน้นตีตลาดรอบนอกตัวเมือง”
ชุมชนบ้านมอญ ตำบลบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ เป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่สืบทอดภูมิปัญญากันมายาวนานนับร้อยปี มีชาวชุมชนอยู่รวมกันมากกว่า 200 หลังคาเรือน เดินทางสะดวกอยู่ห่างจากตัวเมืองนครสวรรค์ เพียงแค่ 16 กิโลเมตร เหมาะแก่การส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ชาวไทยและต่างชาติแวะมาเยี่ยมชมซื้อหาผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา
อย่างไรก็ตาม นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME Development Bank กล่าวว่า ที่ผ่านมา เครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญแทบทั้งหมดยังทำในรูปแบบเดิม ส่วนใหญ่เป็นกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ เน้นขายส่งตามแหล่งต่างๆ เช่น ตลาดนัดจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นต้น ทำให้ขายได้มูลค่าค่อนข้างต่ำ ดังนั้น ทางจังหวัดนครสวรรค์ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ธพว. และหน่วยงานพันธมิตร จึงร่วมกันยกระดับผู้ประกอบการเครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญโดยนำคณะอาจารย์ และผู้ประกอบการด้านเซรามิกที่ประสบความสำเร็จ จาก จ.ลำปาง มาถ่ายทอดความรู้ สอนการผลิต พัฒนาดีไซน์ให้เครื่องปั้นดินเผาเป็นงานเซรามิก เพิ่มความสวยงาม ใช้งานได้หลากหลาย เช่น เครื่องใช้ในครัวเรือน ของฝากของที่ระลึก เป็นต้น ...
หากพูดถึงผู้ประกอบการ SME ที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ นับว่ามีจำนวนไม่น้อยเลย แต่กว่าจะกลายมาเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับเหล่า SME ก็ล้วนต้องต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคต่างๆ มากมาย เช่นเดียวกับ ‘ป้าแว่น’ ที่มีความฝันอยากทำสินค้าวางขายใน 7-11 มาตั้งแต่ยังยากจน
นางบังอร วันน้อย เจ้าของผลิตภัณฑ์ ‘น้ำพริกป้าแว่น’ ที่ก่อนหน้านี้มีอาชีพทำไร่ทำนา แล้วพลิกชีวิตสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจน้ำพริก เล่าถึงที่มาของความสำเร็จที่ต้องฝ่าฟันกับปัญหานานัปการว่า แต่ก่อนใฝ่ฝันอยากขายของกับเซเว่นฯ แต่ไม่รู้จะขายอะไรดี ในตอนนั้นครอบครัวมีฐานะยากจน และต้องหาเงินส่งลูกเรียนหนังสือถึง 3 คน กระทั่งวันหนึ่งมีคนบอกว่าเราทำอาหารอร่อย น่าจะขายอาหารได้ จึงเริ่มต้นทำน้ำพริกไปขายตามตลาด ขายทั้งวัน กำไรบ้างขาดทุนบ้าง แต่ด้วยความพยายามและไม่ย่อท้อ ทำให้มีลูกค้าประจำมากมาย เจ้าของตลาดจึงตั้งชื่อให้ว่า “น้ำพริกป้าแว่น”
หลังจากที่ขายในตลาดอยู่หลายปี วันหนึ่งมีโอกาสนำน้ำพริกมาขายในร้านเซเว่นฯ โดยมีทีมงานของเซเว่น อีเลฟเว่นคอยให้ความรู้เรื่องมาตรฐานต่างๆ เริ่มจากการพัฒนาโรงงานให้ได้มาตรฐาน รวมไปถึงเรื่องคุณภาพของสินค้า มาดูแลให้คำแนะนำทุกๆ 3 เดือน เพื่อบอกให้พัฒนาแก้ไขในส่วนใดบ้าง ป้าใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะไม่มีเงินทุน ซึ่งเซเว่นฯ เขาก็ให้ความช่วยเหลือมาตลอด ใช้เวลาทั้งหมด 2 ปีกับ...
ขณะที่เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่กำลังสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆรอบกาย แต่ ‘พลอยกนก กลิ่นหวล’ หรือ น้องบ๋วยหวาน กลับใช้เวลาว่างจากการเรียนหนังสือช่วยกิจการครอบครัว กระทั่งกลายเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์แชมพู สบู่สมุนไพรพลอยกนก สินค้าโอทอปจากจังหวัดนครนายก ตั้งแต่ยังไม่จบมหาวิทยาลัย
เธอเล่าว่า ธุรกิจนี้ก่อตั้งโดยคุณแม่ ‘เนตรนภิส กลิ่นหวล’ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณแม่ของเธอเปิดร้านเสริมสวยตั้งแต่ปี 2525 โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในร้านเสริมสวยเป็นผลิตภัณฑ์เคมีทั้งหมด พอนานวันสารเคมีเริ่มสะสมในร่างกายจนป่วยหนักหายใจไม่สะดวก ไปพบแพทย์หลายครั้งก็รักษาไม่หาย แพทย์วินิจฉัยเพียงว่าเป็นภูมิแพ้ ซึ่งอาจเกิดจากการสูดดมสารเคมีเข้าไปในร่างกายเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้บางครั้งยังมีผื่นขึ้นตามตัว มีอาการคันและแสบผิวหนังอยู่ตลอดเวลา แม้ปัจจุบันคุณแม่จะหยุดกิจการร้านเสริมสวยแล้ว แต่อาการดังกล่าวก็ยังไม่หาย จนได้คำตอบว่าเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันนั้นล้วนแต่มีสารเคมีทั้งนั้น บางชนิดเป็นอันตราย เป็นสารต้องห้ามตามกฎหมาย โดยเฉพาะสารสเตรียรอยด์ แต่ไม่ว่ายังไงคงหลีกหนีสารเคมีไม่พ้นเป็นแน่ เพราะในชีวิตประจำวันของคนเรานั้นจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องสำอางกันอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ยาสีฟัน แชมพู ครีมนวดผม ฯ
จนกระทั่งวันหนึ่งมีพนักงาน ธ.ก.ส. เข้ามาอบรมเกื่ยวกับการทำเครื่องสำอางจากสมุนไพรในท้องถิ่น เช่น สบู่เหลวอาบน้ำ แชมพูสระผม ครีมนวดผม ฯลฯ จึงได้ลองทำใช้ในครอบครัว ได้ผลลัพธ์ที่ดีมาก จึงได้นำไปแบ่งให้เพื่อนๆลองใช้ดู และได้ผลตอบรับจากผู้ที่ลองใช้อย่างดีเยี่ยม มีการบอกต่อกันปากต่อปากจนมีผู้มาขอซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จึงเริ่มทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรออกวางจำหน่ายในจังหวัดนครนายก...
วิวัฒน์ อรรถประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทเอเซีย เปเปอร์ แบค จำกัด ผู้สร้างสรรค์ธุรกิจผลิตถุงกระดาษ โดยไปเห็นธุรกิจนี้เติบโตได้ดีในต่างประเทศ เขานำเข้าเครื่องจักรจากประเทศญี่ปุ่น ผลิตถุงกระดาษขายใบละ 19 สตางค์ เมื่อธุรกิจดำเนินจนอยู่ตัวจึงเริ่มหันมาส่งออก จากถุงใบละ 19 สตางค์ กลายเป็นสินค้าส่งออกใบละ 10 บาท รวมถึงรับจ้างผลิตให้เจ้าของสินค้ากับแบรนด์ดังๆ ในต่างประเทศ
คุณวิวัฒน์เล่าวว่า งานผลิตถุงเป็นงานดีไซน์ หยุดนิ่งไม่ได้ ต้องติดตามแนวโน้มที่ฉีกแนวไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ การใช้โทนสีที่เปลี่ยนไปตามสมัยนิยม หรือการตอบสนองผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น การผลิตถุงเก็บความเย็นกาแฟโบราณ รวมถึงการแข่งขันกับคู่แข่งไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อิตาลี หรือ อเมริกา เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร ต้องมีความชำนาญในเรื่องนั้นอย่างแท้จริงแล้ว ถ้าเรามีความเชี่ยวชาญ ต่อให้โลกจะพัฒนาก้าวหน้าไปเพียงใด ก็สามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์
“คุณเชื่อไหมว่าช่วงหนึ่งผมกำลังกำลังผลิตถุงกระดาษขายเพลินๆ อยู่ๆก็มีถุงก๊อบแก๊บเข้ามา เครื่องจักรที่สั่งเข้ามาใหม่ต้องว่างงานนานหลายเดือน ปรับกลยุทธ์กันจนหัวหมุม นี่คือความเป็นจริงของการทำธุรกิจ ไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าคุณประมาทหรือมัวลุ่มหลงในความสำเร็จ ตลาดที่เคยเป็นของคุณจะตกไปอยู่ในมือคนอื่นอื่นทันที” คุณวิวัฒน์เล่าประสบการณ์
เขายังฝากข้อคิดถึงคนรุ่นใหม่ว่า...